“แบรนด์ซเคพ” ขยายบริการที่ปรึกษาด้านการสร้างแบรนด์กลุ่มธุรกิจ SMEs.

“แบรนด์ซเคพ” ช่วยชาติหนุน SMEs. รุกขยายบริการที่ปรึกษาด้านการสร้างแบรนด์ไปยังกลุ่มธุรกิจขนาดกลาง – ย่อย พร้อมชูกลยุทธ์ “SHINE” ที่เป็นการสร้างตัวตนให้กับผลิตภัณฑ์ ภายใต้แนวคิด “Maximize key talents” เน้นการวางกลยุทธ์แบรนด์ให้เหมาะกับกลุ่มผู้บริโภค รวมถึงการออกแบบโลโก้ เพื่อสื่อสารให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย หวังช่วยผู้ประกอบการ SMEs. อยู่รอด รู้จุดอ่อน จุดแข็ง พร้อมต่อยอดธุรกิจในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันได้

นายดลชัย บุณยะรัตเวช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แบรนด์ซเคพ จำกัด บริษัทที่ปรึกษาด้านการสร้างแบรนด์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้ทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านการสร้างแบรนด์ให้กับบริษัทและองค์กรขนาดใหญ่เป็นจำนวนมากมากว่า 5 ปี ในปีนี้บริษัทมีนโยบายขยายบริการไปยังกลุ่มผู้ประกอบการที่เป็น SMEs. ( บริษัทขนาดกลางและย่อย ) เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการในกลุ่ม SMEs. ทั้งที่ประสบความสำเร็จ และไม่ประสบความสำเร็จ สามารถอยู่รอดได้ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน อีกทั้งยังรู้ถึงจุดเด่น จุดแข็ง ของผลิตภัณฑ์ หรือแบรนด์ของตนอย่างแท้จริง

“ที่ผ่านมา บริษัทได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดอบรมให้กับผู้ประกอบ SMEs. และผู้ส่งออก พบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังไม่มั่นใจในการนำเสนอสินค้า และไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ทำมาถูกหรือผิด และยังไม่รู้ว่าจะต่อยอดหรือสร้างแต้มต่อในเชิงธุรกิจได้อย่างไร” นายดลชัยกล่าวว่า แบรนด์ซเคพ ในฐานะที่ปรึกษาด้านการสร้างแบรนด์จึงอยากเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพัฒนาแบรนด์ของกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs. ให้แข็งแรงและมีศักยภาพแข่งขันในตลาดได้มากขึ้น

นายดลชัยกล่าวว่า สำหรับแนวทางที่บริษัทให้บริการกับกลุ่ม SMEs. คือ บริการสร้างแบรนด์ ด้วยกลยุทธ์ SHINE ที่เป็นการสร้างตัวตนให้กับผลิตภัณฑ์ ภายใต้แนวคิดที่ว่า “Maximize key talents” ประกอบด้วย S : Showing ที่เป็นการแสดงออกถึงจุดเด่นและจุดแข็งเพื่อสามารถนำไปต่อยอดทางธุรกิจ และ คุณลักษณะพิเศษของผลิตภัณฑ์ H : Habit สอดคล้องกับพฤติกรรมปัจจุบันที่เป็นจริง I : Impact หาอาวุธและช่องทางเพื่อใช้พรสวรรค์ให้ได้พลัง N : Net working สร้างศูนย์กลางและสังคมย่อย เพื่อส่งให้มีผลลัพธ์มากที่สุด และ E : Engaging ผูกพันกับคนด้วยกลยุทธ์หลากหลาย ต่างกรรมต่างวาระ
กลยุทธ์ดังกล่าวนี้จะมีแพคเกจที่เป็นพื้นฐานสำคัญของการสร้างแบรนด์ ขั้นตอนและความซ้ำซ้อนจะมีน้อยกว่า คือใช้เวลาประมาณ 3 – 4 สัปดาห์เท่านั้น โดยจะเน้นการวางกลยุทธ์แบรนด์ เพื่อให้เหมาะกับกลุ่มผู้บริโภค จนไปถึงการออกแบบโลโก้ เพื่อสื่อสารให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย การสื่อแบรนด์ในรูปแบบของสัมผัสทั้ง 5 ผ่านช่องทางต่างๆ ที่ผู้บริโภคจะสัมผัส เปรียบเหมือน “สัญญาณหลัก” ของแบรนด์ อาทิ แพคเกจจิ้ง การตกแต่งร้านค้า การให้บริการ เป็นต้น

ส่วนการแนะนำแพคเกจต่างๆ นั้นทางบริษัทได้เปิดรับแนะนำแนวทางในหลายช่องทาง โดยร่วมกับ กระทรวงพาณิชย์ กรมส่งเสริมการส่งออก และอยู่ระหว่างการดำเนินการร่วมกับธนาคารธนชาติ รวมถึง
www.brandscape.co.th

“การสร้างแบรนด์ด้วยกลยุทธ์ SHINE นี้เราจะทำหน้าที่เสมือน Coach of Jump Start ผู้ฝึกซ้อมที่ให้ผลิตภัณฑ์สามารถเริ่มต้นสร้างแบรนด์ได้แบบก้าวกระโดด ผ่านวิธีการทำเวิร์คชอปกับทีมบริหารของ แบรนด์ซเคพ แต่จะสำเร็จด้วยดีขนาดไหน ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการ ที่จะต้องเข้าใจในผลิตภัณฑ์ ทั้งจุดแข็ง จุดด้อย และโอกาส” นายดลชัยกล่าว

นายดลชัยกล่าวต่อไปว่า ก่อนหน้านี้บริษัทได้พัฒนาเครื่องมือสร้างแบรนด์ใหม่ขึ้นมาเสริมอีกแขนง ภายใต้ชื่อ Holistic Identity Brand Signature หรือ HIBS เอกลักษณ์ของแม่แบบของแบรนด์ ซึ่งจะเป็นเครื่องช่วยในการสร้างแบรนด์ที่ครบวงจรในทุกสัมผัส ทั้งการรับรู้ด้วยโสตประสาท การเล่าเรื่องของแบรนด์ และการสร้างประสบการณ์หรือวัฒนธรรมเฉพาะตัวของแบรนด์ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้ใช้เครื่องมือดังกล่าวนี้วางแม่แบบของแบรนด์ให้กับหลายแบรนด์ไปแล้ว

อนึ่ง ปัจจุบันแบรนด์ซเคพ ดำเนินธุรกิจเป็นที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์การสร้างแบรนด์อย่างครบวงจร โดยทีมงานที่ผ่านประสบการณ์ทั้งจากแวดวงเอเยนซี่ การออกแบบชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศ อีกทั้งยังมีบริษัทในเครือ คือ แบรนดิตี้ ทำหน้าที่ออกแบบตราสินค้าเพื่อการสื่อสารแบรนด์ เช่น การออกแบบเอกลักษณ์องค์กร ( Corporate Identity ) สำหรับผลงานด้านการสร้างแบรนด์ ที่แบรนด์ซเคพเป็นที่ปรึกษาและดูแลอยู่ในขณะนี้มีกว่า 40 แบรนด์ อาทิ ธนาคารธนชาติ , ไอดีโอ , NCP. ( Fitne , Hotta ) , พารากอน ซีนีเพล็กซ์ , เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ , บลูโอ โบว์ล , โรงแรม Vie Hotel และโรงแรม V Villa หัวหิน เป็นต้น