Kantar BrandZ ได้มีการจัดอันดับแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก ซึ่งอันดับ 1 ในปีนี้ได้แก่ Apple ซึ่งครองแชมป์ 3 ปีติดต่อกัน นอกจากนี้ผู้ผลิต iPhone ยังเป็นแบรนด์แรกของโลกที่มึมูลค่าแบรนด์แตะระดับ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐเป็นที่เรียบร้อย
Kantar BrandZ ได้ออกรายงานฉบับล่าสุด โดยจัดอันดับแบรนด์ชื่อดังทั่วโลก ซึ่ง Apple เป็นแบรนด์ระดับโลกที่มีมูลค่าแตะ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 36 ล้านล้านบาท) เป็นรายแรก และยังครองแชมป์ดังกล่าวติดต่อกันมาเป็นระยะเวลา 3 ปีแล้ว
ขณะเดียวกันแบรนด์ระดับโลกอันดับ 1-10 นั้นส่วนใหญ่ยังเป็นบริษัทเทคโนโลยีแทบทั้งสิ้น มีบริษัทที่ไม่ใช่บริษัทเทคโนโลยีอย่าง Visa และ McDonald’s ที่ติดอันดับมาเท่านั้น
สำหรับการจัดอันดับแบรนด์ระดับโลกของ Kantar BrandZ แบรนด์ต่างๆ จะต้องเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือโดยบริษัทเอกชนที่มีข้อมูลทางการเงินเป็นสาธารณะ ขณะเดียวกันก็จะมีการคิดคำนวณมูลค่าของแบรนด์ เช่น การรับรู้ของผู้บริโภค และคุณค่าของแบรนด์ เป็นต้น
รายชื่อ 10 แบรนด์ระดับโลกจัดอันดับโดย Kantar BrandZ
- Apple มีมูลค่าแบรนด์ 1.0159 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
- Google มีมูลค่าแบรนด์ 753,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
- Microsoft มีมูลค่าแบรนด์ 713,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
- Amazon มีมูลค่าแบรนด์ 576,662 ล้านเหรียญสหรัฐ
- McDonald’s มีมูลค่าแบรนด์ 221,902 ล้านเหรียญสหรัฐ
- Nvidia มีมูลค่าแบรนด์ 201,840 ล้านเหรียญสหรัฐ
- Visa มีมูลค่าแบรนด์ 188,929 ล้านเหรียญสหรัฐ
- Facebook มีมูลค่าแบรนด์ 166,751 ล้านเหรียญสหรัฐ
- Oracle มีมูลค่าแบรนด์ 145,498 ล้านเหรียญสหรัฐ
- Tencent มีมูลค่าแบรนด์ 135,215 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับแบรนด์จีนที่ติดอันดับสูงที่สุดคือ Tencent ซึ่งอยู่อันดับ 10 รองลงมาคือเหมาไถ (Moutai) ผู้ผลิตสุรารายใหญ่จากแดนมังกร อยู่ที่อันดับ 18 ขณะที่บริษัทรองๆ ลงมา เช่น Alibaba อยู่ในอันดับที่ 28 และ TikTok ที่อยู่ในอันดับ 35
ในขณะที่แบรนด์จากต่างประเทศรายอื่นๆ ที่น่าสนใจคือ Aramco ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของซาอุดิอาระเบียติดอันดับที่ 14 ทางด้านแบรนด์หรูแฟชั่นที่ติดอันดับสูงสุดคือ Louis Vuitton ซึ่งอยู่อันดับที่ 12 แซงหน้า Hermer ที่อยู่อันดับ 17 และ Chanel ที่อยู่อันดับที่ 36
ทางด้านแบรนด์ที่มูลค่าเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดจนน่าตกใจในปีนี้ก็คือ Nvidia ซึ่งอยู่อันดับที่ 6 นั้นมีมูลค่าแบรนด์เพิ่มขึ้นจากการจัดอันดับในปี 2023 ที่ผ่านมามากถึง 3 เท่า ซึ่งปัจจัยสำคัญมาจากบริษัทได้สร้างผลิตภัณฑ์อย่างชิปเร่งประมวลผลด้านปัญญาประดิษฐ์ จนทำให้บริษัทมีกำไรเติบโตในช่วงที่ผ่านมานั่นเอง