ถิรไทย หรือ TRT เผยผลประกอบการงวด 6 เดือนปี 52 กำไรสุทธิ 138.47 ล้านบาท โตอย่างต่อเนื่องโดยเพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 109.6 เท่ากับ 72.42 ล้านบาท โดยมีผลกำไรสุทธิ Q2 เท่ากับ 49.77 ล้านบาท ผู้บริหารถิรไทย “สัมพันธ์ วงษ์ปาน” ย้ำผลประกอบการปีนี้ตามเป้าแน่นอน 2,600 ล้านบาท เพราะมีงานในมือชัดเจน หลังประเดิมงานรัฐอีกเพียบ
นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT ผู้ผลิต จำหน่าย และซ่อมบำรุง หม้อแปลงไฟฟ้าทุกขนาด เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย งวด 6 เดือนปี 52 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2552 ว่า บริษัท มีผลกำไรสุทธิสำหรับงวดหกเดือนปี 2552 เท่ากับ 138.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 72.42 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 109.6 และมีผลกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 2 ปี 2552 เท่ากับ 49.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.26 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 32.68 ซึ่งเปลี่ยนแปลงมากกว่าร้อยละ 20
ทั้งนี้รายได้ที่มีการเปลี่ยนแปลงมากกว่าร้อยละ 20 ซึ่งมีรายได้รวมงวดหกเดือนปี 2552 เท่ากับ 1,276.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 340.7 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 36.4 และมีอัตรากำไรขั้นต้นสำหรับการขายและการให้บริการ ร้อยละ 26.8 สูงขึ้นร้อยละ 4.05 และมีค่าใช้จ่ายในการขาย, ค่าใช้จ่ายในการบริหารและค่าตอบแทนผู้บริหาร รวมเท่ากับ 153.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.99 ตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น ตามปกติของธุรกิจ
นายสัมพันธ์ กล่าวต่อไปว่า ปีนี้บริษัทมั่นใจว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ 2,600 ล้านบาท แน่นอน จากการรับรู้รายได้งานในมือ (Back log) ที่มีอยู่มูลค่ากว่า 2,200 ล้านบาท และบริษัทจะพยายามรักษาอัตราการเติบโตของกำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) นี้ให้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 20-25 % ซึ่งรายได้หลักในปีนี้จะมากจากงานภาครัฐ เอกชน และส่งออก ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 33 % เท่า ๆ กัน
และในเดือนที่ผ่านมา ถิรไทย ได้รับความไว้วางใจจาก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เซ็นสัญญาสั่งซื้อขายหม้อแปลงไฟฟ้า 300 MVA 230/121-11 kV auto-transformer จำนวน 2 เครื่อง มูลค่าเกือบ 200 ล้านบาท ซึ่งเป็นหม้อแปลงไฟฟ้าขนาดกำลังที่ใหญ่ที่สุดที่ผลิตภายในประเทศ เตรียมติดตั้งสถานีไฟฟ้าบางพลี พร้อมรับรู้รายได้ประมาณไตรมาส 3 ปี 2553 อีกด้วย
“แม้เศรษฐกิจโลกจะมีการผันแปรไปตามสภาพ แต่บริษัทเราก็ถือว่ายังอยู่ในสภาพที่โชคดีกว่าธุรกิจอื่นๆ เพราะด้วยความที่ธุรกิจเรายังอยู่ในประเภทสาธารณูปโภคที่ยังมีความจำเป็นของประเทศและภูมิภาค ซึ่งเราเป็นส่วนหนึ่งของการขยายตัวของภาคการไฟฟ้าในส่วนการส่งออกก็ยังคงมีการขยายไปเรื่อยๆ ตามอาเซียน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในเอเชียใต้ และคาดว่าในปี 2553 ภาวะเศรษฐกิจของโลก จะกลับสู่สภาพปกติ และมีอัตราการใช้ไฟสูง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อเราที่จะมีการขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดได้อีกมาก” นายสัมพันธ์กล่าวปิดท้าย