กรมส่งเสริมการส่งออกเปิดเวทีโชว์นวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสิ่งแวดล้อม

กรมส่งเสริมการส่งออก จับมือสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เตรียมจัดงานแสดงสินค้าเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น ควบงานแสดงสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 2552 เน้นไฮไลท์นวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม สร้างโอกาสและความได้เปรียบในการแข่งขันกับต่างประเทศ แนะผู้ประกอบการเร่งผลิตสินค้าได้มาตรฐานสิ่งแวดล้อม รองรับกฎระเบียบและความต้องการของตลาดโลก

นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า สถานการณ์โดยรวมของตลาดสินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้ามีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ประเทศไทยสามารถส่งออกสินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ได้ประมาณ 6,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนสินค้าเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น มียอดการส่งออกประมาณ 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ยอดคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปีนี้จะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการขยายตัวในตลาดใหม่ อาทิ ตะวันออกกลาง เอเชีย รัสเซีย และยุโรปตะวันออก สำหรับสินค้าที่ยังคงได้รับคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศ เตาไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า และโทรทัศน์

กรมส่งเสริมการส่งออก จึงได้เร่งดำเนินกลยุทธ์เพื่อผลักดันให้มีการส่งออกมากขึ้น โดยร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น และกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ จัด “งานแสดงสินค้าเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น 2552” (Bangkok RHVAC 2009) พร้อมกับ “งานแสดงสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 2552” (Bangkok E&E 2009) สองงานแสดงสินค้าใหญ่แห่งปี ที่รวบรวมผู้ประกอบการจากทั้งจากในและต่างประเทศ จำนวน 695 คูหา 230 บริษัท นำสินค้าและนวัตกรรมที่มีคุณภาพและผ่านมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม อุปกรณ์ภาพและเสียง รวมทั้งชิ้นส่วนและเครื่องมืออุตสาหกรรม ตลอดจนบริการต่างๆ ในอุตสาหกรรมครบวงจร มาจัดแสดงและจำหน่าย ภายใต้แนวคิด การผลิตเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับกระแสความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก

อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน ผู้ประกอบการต้องปรับตัวหันมาให้ความสำคัญกับกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อเพิ่มช่องทางจำหน่ายไปยังประเทศที่มีการกำหนดมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมแทนมาตรการทางด้านภาษี ยกตัวอย่างเช่น กฎระเบียบของอียูซึ่งประกาศออกมา 2-3 ปีที่แล้ว หากผู้ประกอบการไทยสามารถยกระดับการผลิตสินค้าให้ได้มาตรฐานสิ่งแวดล้อมตามที่ประเทศคู่ค้ากำหนด ย่อมเป็นการเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันให้เหนือกว่าคู่แข่ง โดยเฉพาะผู้ผลิตในจีนและเวียดนาม ซึ่งมีบางส่วนที่ไม่สามารถผลิตตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อมได้

“เป็นโอกาสดีที่ผู้เข้าร่วมชมงานจะได้ศึกษาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อนำไปพัฒนาคุณภาพสินค้า ยกระดับมาตรฐานการผลิตให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดโลก ช่วยเพิ่มโอกาสทางการค้าและขยายการส่งออกไปยังตลาดใหญ่ได้มากยิ่งขึ้น” นายราเชนท์ กล่าว

สำหรับงานแสดงสินค้าเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น หรือ Bangkok RHVAC 2009 จะจัดขึ้นพร้อมกับ งานแสดงสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Bangkok E&E 2009 ในระหว่างวันที่ 7-11 ตุลาคม 2552 ระหว่างเวลา 10-00-18.00 น. ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยวันที่ 7-9 ตุลาคม เป็นวันเจรจาการค้า และวันที่ 10-11 ตุลาคม เป็นวันจำหน่ายปลีกแก่ประชาชนทั่วไป