ธนาคารเกียรตินาคิน เผยสินเชื่อยังเติบโตได้ดี หลัง 9 เดือนแรกขยายตัวได้ราว 5% เป็นไปตาม เป้าหมายที่วางไว้ และควบคุมระดับเอ็นพีแอลในแต่ละธุรกิจหลักได้ลดลงจากเดิม ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 3/52 กำไร 743 ลบ. ส่งผล 9 เดือนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,729 ลบ. เพิ่มขึ้น 12.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เผยเตรียมส่งโปรโมชั่นพิเศษร่วมงานใหญ่ปลายปี SET in the City และ Motor Expo
นายชวลิต จินดาวณิค ประธานสายการเงินและงบประมาณ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “จากการประเมินเบื้องต้นเพื่อวัดระดับผลการดำเนินงานของธนาคาร นับว่าธนาคารประสบความสำเร็จตามเป้าหมายการดำเนินงานที่กำหนดไว้ตอนต้นปี ได้แก่ การรักษาคุณภาพสินทรัพย์ ขยายสินเชื่อให้เติบโตที่ราว 0-5% ขยายฐานลูกค้าเงินฝากเพิ่ม 100%
และเปิดสาขาเพิ่ม 7 สาขา ณ ปัจจุบันเปิดไปแล้ว 4 สาขา ได้แก่ นนทบุรี เยาวราช สี่พระยา และรามอินทรา รวมสาขาทั้งสิ้นเท่ากับ 41 สาขา โดยธนาคารยังคงนโยบายการดำเนินธุรกิจที่เน้นคุณภาพสินทรัพย์ ขยายสินเชื่ออย่างระมัดระวังและรอบคอบ ตลอดจนการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยหลายๆ ด้าน ยังส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในภาพรวม นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อสร้างความแตกต่างให้เป็นทางเลือกสำหรับลูกค้า และขยายฐานเงินฝากลูกค้ารายย่อยด้วยการนำเสนออัตราดอกเบี้ยที่น่าสนใจ รวมทั้งอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ผ่านสาขา เครื่องเอทีเอ็ม และบริการ KK-eBanking”
“ส่วนสินเชื่อรวมขยายตัวได้ดี โดย 9 เดือนแรก (มกราคม – กันยายน 2552) สินเชื่อรวมมีอัตราการเติบโตที่ 4.7% สำหรับสินทรัพย์นั้นก็สามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายเช่นกัน คืออยู่ที่ 123,199 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2551 ราว 7.4% ทั้งนี้ ไตรมาส 3 ปี 2552 ธนาคารและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 743 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2551 ส่วน 9 เดือนแรก สิ้นสุดกันยายน 2552 นั้น มีกำไรสุทธิ 1,729 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2551 ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Loan Spread) อยู่ที่ 5.3% ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อยู่ที่ 6.21% ของสินเชื่อรวมตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย ลดลงจากสิ้นปี 2551 ที่ 7.15% และมีอัตราส่วนการตั้งสำรองต่อเอ็นพีแอลปรับเพิ่มขึ้นเป็น 56.9% จาก 50.3% ณ สิ้นปี 2551 ซึ่งนับเป็นผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ ในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน”
ส่วนการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจนั้น สินเชื่อเช่าซื้อเติบโตเพิ่มขึ้น 0.7% หรืออยู่ที่ 57,549 ล้านบาท โดยเป็นยอดที่อนุมัติใหม่ในไตรมาส 3 จำนวน 5,651 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ราว 17% ส่วนสินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมียอดรวมอยู่ที่ 15,528 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 12.3% จากสิ้นปี 2551 ด้านเงินฝากและการตลาด ธนาคารประสบความสำเร็จในการขยายฐานลูกค้า จากสิ้นปี 2551 ที่มีบัญชีเงินฝากราว 24,000 บัญชี เพิ่มขึ้นเป็น 44,000 บัญชีในปัจจุบัน มียอดเงินฝาก หุ้นกู้ ตั๋วบีอี และหนี้สินอื่นๆ อยู่ที่ 105,510 ล้านบาท หรือขยายตัวราว 8% โดยมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินฝากและเงินกู้ยืมเท่ากับ 84.6% และสัดส่วนเงินฝากกระแสรายวันและออมทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็น 6% ซึ่งสอดคล้องตามนโยบายที่จะขยายฐานเงินฝากลูกค้ารายย่อย และระดมเงินฝากผ่านสาขาต่างๆ เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บัญชีออมทรัพย์และกระแสรายวันของธนาคาร ยังให้ดอกเบี้ยในระดับที่ดี เริ่มตั้งแต่ 1 -1.50% ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับธนาคารอื่น บัญชีกระแสรายวันส่วนใหญ่มักจะไม่ให้ดอกเบี้ย
โดยปลายปีนี้ ธนาคาร ยังได้วางแผนงานเพื่อขยายฐานลูกค้าทั้งเงินฝากและสินเชื่อ ผ่านการเข้าร่วมกิจกรรมใหญ่ 2 รายการ ได้แก่ งานมหกรรมการลงทุนครบวงจรแห่งปี (SET in the City) ช่วงวันที่ 12–15 พฤศจิกายน 2552 และมหกรรมยานยนต์ (Motor Expo) ระหว่างวันที่ 2-13 ธันวาคม 2552 อีกด้วย