หุ้น JUBILE ร้อน รายย่อยแห่จองหุ้นเกลี้ยง 35 ล้านหุ้น พร้อมเข้าเทรดต้นเดือน พ.ย.นี้ นักลงทุนมั่นใจพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง บล.พัฒนสิน แกนนำจัดจำหน่าย มั่นใจหุ้น JUBILE ซื้อ-ขายวันแรกยืนเหนือราคาจอง 2.80 บาทแน่นอน ด้านผู้บริหาร “อัญรัตน์ พรประกฤต” ปลื้มนักลงทุนแห่จองซื้อหุ้นล้น พร้อมมุ่งเตรียมรุกตลาดต่างประเทศ
นายนิมิต วงศ์จริยกุล กรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) พัฒนสินจำกัด (มหาชน) ในฐานะแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นบริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JUBILE เปิดเผยว่า การขายหุ้น JUBILE ให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 35 ล้านหุ้น ราคาขายหุ้นละ 2.80 บาท ในระหว่างวันที่ 26-28 ตุลาคม 2552 ที่ผ่านมานั้น ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก จนสามารถปิดการขายได้อย่างสมบูรณ์ และคาดว่า จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ได้ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้
“การที่หุ้น JUBILE ได้รับความสนใจจากบรรดานักลงทุน จนสามารถขายหมดเกลี้ยงนั้น ถือเป็นสัญญาณบวกที่ดีมาก แสดงถึงความมั่นใจของนักลงทุนที่มีต่อตัวบริษัทฯ ขณะเดียวกัน ยังเชื่อด้วยว่า บรรยากาศการซื้อขายหุ้น JUBILE ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ จะมีความคึกคัก โดยราคาจะสามารถยืนเหนือราคาจองที่ 2.80 บาทได้อย่างแน่นอน” นายนิมิตกล่าว
ด้านนางสาวอัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JUBILE เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจที่หุ้น JUBILE ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขนาดนี้ และต้องขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้การต้อนรับและให้ความเชื่อมั่นกับบริษัทฯ เป็นอย่างดี
“ถือว่าเราประสบความสำเร็จมาก เพราะหลังจากที่ได้พบปะและให้ข้อมูลกับนักลงทุนสถาบันหลายแห่งในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งการเดินทางไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ให้กับนักลงทุนทั่วไปและนักลงทุนรายย่อย รวมทั้งนักวิเคราะห์ ปรากฏว่านักลงทุนให้การตอบรับเป็นอย่างดี กับหุ้น JUBILE โดยนักลงทุนสถาบันทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ได้แสดงความจำนงจองซื้อหุ้น (Book Build) เข้ามาหลายเท่า จนสามารถขายหุ้นได้หมดตั้งแต่เปิดขายวันแรก ทั้งนี้คงเป็นเพราะนักลงทุนเชื่อมั่นในพื้นฐานของบริษัทฯ ซึ่งถือเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกเครื่องประดับเพชรในประเทศไทยมายาวนานกว่า 16 ปี” นางสาวอัญรัตน์ กล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของแผนงานในปี 2553 บริษัทฯ ตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มเป็น75 สาขา จากสิ้นปีนี้ ขณะเดียวกันจะมีการเพิ่มสายการผลิตภัณฑ์เพื่อขยายฐานลูกค้า ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 80,000 ราย โดยเน้นสินค้าที่มีมูลค่าสูง และหลากหลายมากขึ้นเพื่อตอบสนองให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า พร้อมทั้งปรับปรุงระบบคอมพิวเตอร์ ให้เป็นระบบเรียลไทม์เพื่อใช้ในการจัดการข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพรวมไปถึงภายในปี 2555 บริษัทฯ จะรุกเจาะตลาดต่างประเทศจากปัจจุบันที่ขายภายในประเทศเพียงอย่างเดียว