จากภาพ : นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย แถลงข่าว ผลการดำเนินงานด้านลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ สายงานบรรษัทธุรกิจ ในปี 2552 พร้อมตั้งเป้าในปี 2553 ขยายสินเชื่อเพิ่ม 4%
กสิกรไทย วาดแผนบริการลูกค้ารายใหญ่ปี 53 พร้อมก้าวสู่เบอร์หนึ่ง ตั้งเป้าสินเชื่อโต 3-4% สร้างรายได้รวมเพิ่มขึ้น 12% ทะลุ 1.3 หมื่นล้านบาท มุ่งเน้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ขยายตัวได้ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ พร้อมสนับสนุนลูกค้ารายใหญ่ผ่าน Customized Solution ที่จะช่วยธุรกิจแข็งแกร่ง และติดอาวุธความรู้ K Corporate Synergy
นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจของไทยมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น ทำให้สินเชื่อลูกค้ากลุ่มธุรกิจลูกค้าขนาดใหญ่และใหญ่พิเศษที่มียอดขายตั้งแต่ 400-5,000 ล้านบาท และ 5,000 ล้านบาทขึ้นไป เริ่มขยายตัว เนื่องจากลูกค้านำเข้าและส่งออกมีการใช้สินเชื่อเพิ่มขึ้น ตามแนวโน้มการส่งออกและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวดีขึ้น แม้ว่าเศรษฐกิจจะมีการชะลอตัว แต่ยอดสินเชื่อลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยคาดว่าในสิ้นไตรมาส 4 จะเติบโตที่ 3-4 % จากไตรมาส 3 และมีรายได้รวม 11,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากค่าธรรมเนียม 45% และจากดอกเบี้ย เงินกู้55%
สำหรับในปี 2553 ธนาคารฯ ได้ตั้งเป้าขยายสินเชื่อในกลุ่มลูกค้าธุรกิจลูกค้าขนาดใหญ่และใหญ่พิเศษเพิ่ม 3-4% หรือเป็น 301,600 ล้านบาท ซึ่งจะใกล้เคียงกับการขยายตัวของเศรษฐกิจของประเทศที่คาดว่าจะอยู่ที่ 2.5-3.5% และรายได้เติบโต 12% หรือเป็น 13,000 ล้านบาท โดยจะเน้นเพิ่มรายได้จากค่าธรรมเนียมมากขึ้น สำหรับธุรกิจเป้าหมายของธนาคารฯ ได้แก่ ธุรกิจที่ได้รับผลดีจากการลงทุนของภาครัฐ คือ โรงไฟฟ้า รับเหมาก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง ธุรกิจที่ได้รับผลดีจาการฟื้นตัวของการส่งออก คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สินค้าเกษตร เหล็กและเครื่องจักร และธุรกิจขนาดใหญ่ที่จะมีการลงทุนเพิ่ม คือ โทรคมนาคม (โครงการ 3 G) อสังหาริมทรัพย์
นอกจากนี้ธนาคารฯ ยังตั้งเป้าหมายที่จะเป็นธนาคารอันดับ 1 ที่ลูกค้าขนาดใหญ่เลือกใช้เป็นธนาคารหลัก จาก 20% เป็น 24 % โดยเน้นการให้บริการแบบ Total Solutions เน้นไปที่กลุ่มบริการ Transactional Financing ได้แก่ บริการธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ (Trade Finance), บริการด้านการจัดการทางการเงิน(Cash Management) และ การจัดการเครือข่ายธุรกิจ (Supply Chain Management) รวมทั้ง จะมุ่งเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจแก่ลูกค้า โดยการเป็น Value Added Advisor หรือพันธมิตรทางธุรกิจที่ช่วยแนะนำหรือนำเสนอบริการทางการเงินที่เป็น Total Financial Solution ซึ่งจะช่วยลูกค้าสร้างธุรกิจอย่างยั่งยืนได้ โดยมีผู้ดูแลความสัมพันธ์ (RM) ที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละอุตสาหกรรม และช่วยเชื่อมโยงสถานการณ์ของอุตสาหกรรมกับอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่น ๆ (value chain) เพื่อช่วยส่งเสริมธุรกิจให้สามารถวางกลยุทธ์ได้แม่นยำยิ่งขึ้น
นอกจากบริการทางการเงินแล้ว ธนาคารฯ ยังให้ความสำคัญในการให้องค์ความรู้ (Non-Financial Service) เพื่อให้ธุรกิจของลูกค้าเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยได้จัดทำโครงการ K Corporate Synergy ภายใต้แนวคิด K Now เป็นหลักสูตรการพัฒนาความรู้ด้านการบริหารจัดการธุรกิจอย่างรอบด้านแก่ลูกค้าของธนาคาร ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจขนาดใหญ่เติบโตอย่างมั่นคง ยั่งยืน สามารถส่งมอบธุรกิจแก่รุ่นต่อไปได้อย่างมั่นใจ มีการเตรียมความพร้อมและปรับตัวได้ทันกับสภาวะเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา