สายการบินเอมิเรตส์ เผยผลประกอบการครึ่งปีแรกด้วยผลกำไร 205 ล้านเหรียญสหรัฐ

กรุงเทพ, 12 พฤศจิกายน 2009 – สายการบินเอมิเรตส์แถลงผลประกอบการด้วยผลกำไรสุทธิจากการดำเนินงานเป็นมูลค่า 205 ล้านเหรียญสหรัฐ จากช่วงหกเดือนแรกของปีงบประมาณซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2552 ซึ่งเป็นผลกำไรที่เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 165% จากผลกำไร 77 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงเดียวกันของปี 2551

ในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณปัจจุบัน สายการบินเอมิเรตส์มีส่วนในการสร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยทางตรงคิดเป็นเงินมูลค่าประมาณ 2.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ และโดยอ้อมมูลค่าประมาณ 3.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากการให้บริการผู้โดยสารกว่า 13 ล้านคนปริมาณสินค้าทางอากาศที่ขนส่งกว่า 700,000 ตัน ทั้งยังช่วยผลักดันให้ธุรกิจอื่น ๆ ที่ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบเติบโตและมีรายได้สูงขึ้น
 
สายการบินเอมิเรตส์ยังช่วยสนับสนุน และกระตุ้นการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยวด้วยการมุ่งขยายฝูงบินและเครือข่ายการบินครอบคลุมทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยมีการรับมอบเครื่องบินใหม่เพิ่มอีก 8 ลำ พร้อมทั้งเปิดให้บริการจุดหมายปลายทางแห่งใหม่อีก 2 ที่ และเพิ่มจำนวนเที่ยวบินมากขึ้น อีกทั้งยังเดินหน้าติดตั้งระบบความบันเทิงอันล้ำสมัยและระบบโทรศัพท์บนเครื่องบินในฝูงบินของเอมิเรตส์ รวมถึงการลงทุนด้านการฝึกอบรมพัฒนาศักยภาพบุคลากรจำนวน 29,000 คน

นอกจากนี้ สายการบินเอมิเรตส์ได้ลงทุนด้วยเม็ดเงินกว่า 11.1 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับ 2 แคมเปญใหญ่เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไปยังดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์ได้ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อเปิดตัวแคมเปญ “Keep Discovering Dubai” ในช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายนที่ผ่านมา โดยตัวแทนจากภาคธุรกิจท่องเที่ยวและสื่อมวลชนจากทั่วโลกกว่า 2,000 คนได้มีโอกาสร่วมสัมผัสประสบการณ์ในสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ในดูไบ และแคมเปญ “Meet Dubai” ที่สายการบินเอมิเรตส์ทุ่มทุนงบประมาณเป็นจำนวนมหาศาลเพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ไปทั่วโลก เพื่อแสดงเอกลักษณ์อันโดดเด่นในด้านความเป็นอยู่และผู้คนในดูไบ
ชี้ค อาเหม็ด บิน ซาอิด อัล มัคตุม ประธานและผู้อำนวยการ สายการบินเอมิเรตส์และบริษัทในเครือกล่าว “เอมิเรตส์ยังคงเน้นกลยุทธ์ระยะยาวสวนทางสภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย เรายังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ฝูงบินของเราเป็นฝูงบินที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อมุ่งขยายเครือข่ายครอบคลุมทั่วโลก รวมถึงสนับสนุนระบบโครงสร้างพื้นฐานของธุรกิจที่กำลังเติบโตของเรา”

“สภาวะวิกฤตเศรษฐกิจโลกถดถอยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา พิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจของเราที่โดดเด่นแตกต่างจากอุตสาหกรรมอื่นๆ เอมิเรตส์ไม่ได้ปรับลดการให้บริการและจำนวนพนักงาน แต่ในทางตรงกันข้าม เรากลับลงทุนอย่างต่อเนื่องในด้านดังกล่าวเพื่อมุ่งเน้นให้บุคลากรของเราพัฒนากลยุทธ์ที่สร้างสรรค์เพื่อนำมาบริหารจัดการค่าใช้จ่าย พัฒนาประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ปรับเปลี่ยนโยกย้ายบุคลากรและเดินหน้ากลยุทธ์ทางธุรกิจต่างๆ ทั้งนี้ผลประกอบการครึ่งปีล่าสุดของเอมิเรตส์ประจักษ์ให้เห็นถึงรากฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของเรา และความคล่องตัวของบริษัทในการปรับตัวและรับมือกับความท้าทายของสภาวะเศรษฐกิจโลก” 

ในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2552-2553 เอมิเรตส์รายงานการเติบโตที่แข็งแกร่งของธุรกิจ ทั้งในแง่ของความสามารถในการให้บริการและจำนวนเที่ยวบินที่ให้บริการเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยศักยภาพในการเติบโตทางธุรกิจของเอมิเรตส์ในครั้งนี้ถือได้ว่าแตกต่างจากแนวโน้มในปัจจุบันของอุตสาหกรรมการบินอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากเอมิเรตส์มีที่นั่งผู้โดยสารเมื่อคำนวณจากจำนวนที่นั่งทั้งหมดต่อกิโลเมตร (Available Seat Kilometers – ASKM) เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 22 ขณะที่อัตราการเติบโตของผู้โดยสารทางอากาศที่คำนวณจากรายได้จัดเก็บจากผู้โดยสารต่อกิโลเมตร (Revenue Passenger Kilometers – RPKM) เพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 21 ด้วยจำนวนผู้โดยสารต่อที่นั่งผู้โดยสารที่ยังคงเป็นตัวเลขที่สูง เฉลี่ยอยู่ที่ 77.5% ลดลงเล็กน้อยจากเดิมที่ 78.3% ในปีที่ผ่านมา ส่วนจำนวนสินค้าที่ขนส่งยังคงอยู่ในระดับเทียบเท่ากับปีที่ผ่านมา

รายได้โดยรวมทั้งหมดของสายการบินเอมิเรตส์คิดเป็น 5.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 13.5% จากปีก่อนหน้าที่มีรายได้รวมที่ 6.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารและการขนส่งสินค้ามีอัตราลดลง อย่างไรก็ตามรายจ่ายโดยรวมทั้งหมดจำนวน 5.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดน้อยลงกว่าปีก่อนหน้าที่มียอดรายจ่าย 6.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ รายจ่ายที่ลดลงเป็นผลจากมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายและต้นทุน รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับลดลง

ชี้ค อาเหม็ด กล่าวเสริมว่า “ขณะที่หลายฝ่ายได้ให้ทัศนะว่าสภาพเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวขึ้น ทางเราคาดว่าอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งถึงสองปี กว่าความต้องการทางด้านการขนส่งทางอากาศและบริการภาคธุรกิจท่องเที่ยวจะกลับมาเติบโตขึ้นอีกครั้ง ในระหว่างนี้สายการบินเอมิเรตส์มีความพร้อมในการรับมือกับทุกสถานการณ์ เรายังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการกำหนดแผนการและแนวทางการปฏิบัติที่ยึดมั่นในการบรรลุเป้าหมายในระยะยาว แต่ยังคงความยืดหยุ่นเพื่อที่จะใช้โอกาสให้เกิดประโยชน์สูงสุดและลดความเสี่ยงในด้านต่างๆ”

สถานะเงินคงคลังของเอมิเรตส์ (รวมการถือครองเงินทุนมูลค่า 54.5 ล้านเหรียญสหรัฐ) ณ วันที่ 30 กันยายน 2552 มีมูลค่า 1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีก่อนหน้า โดยบัญชีตัวเลขนี้เป็นตัวเลขหลังหักค่าใช้จ่ายด้านการจัดซื้อเครื่องบินลำใหม่ก่อนการส่งมอบ, โครงการอสังหาริมทรัพย์ในดูไบ รวมถึงการยกระดับสิ่งอำนวยความสะดวกภายในเครื่องบิน ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ สายการบินเอมิเรตส์ประสบความสำเร็จอย่างมากในการเพิ่มเงินทุนสำหรับการรับมอบเครื่องบินจำนวน 9 พันล้านเหรียญสหรัฐ

เมื่อเดือนเมษายน 2552 สายการบินเอมิเรตส์ได้เปิดให้บริการ 2 เส้นทางการบินใหม่สู่เมืองเดอร์บันและเมืองลวันดาในแอฟริกาใต้เพื่อให้บริการแก่ผู้โดยสาร ซื่งส่งผลให้เอมิเรตส์มีเครือข่ายครอบคลุม 101 ประเทศใน 6 ทวีปทั่วโลก

ปัจจุบันเอมิเรตส์มีฝูงบินที่ประกอบไปด้วยเครื่องบินจำนวน 139 ลำ ตั้งแต่เริ่มปีงบประมาณล่าสุด เอมิเรตส์ได้รับการส่งมอบเครื่องบินโดยสารแบบลำตัวกว้างไปแล้วเป็นจำนวนทั้งสิ้น 8 ลำ รวมถึงเครื่องบินใหม่จำนวน 10 ลำที่มีกำหนดจะได้รับมอบก่อนสิ้นสุดปีงบประมาณ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2553