“วังทองกรุ๊ป” เปิดบ้านวราบดินทร์ – วงแหวนลำลูกกา (คลอง 5) บ้านแนวคิดฉลาด ๆ เพื่อการอยู่อาศัยที่ชาญฉลาด ทั้ง ทำเลฉลาด, ลงทุนฉลาด, ดีไซน์ฉลาด โดดเด่นด้วยแบบบ้าน กว่า 8 แบบ โดดเด่นเรื่องราคาที่จะตอบสนองผู้ต้องการบ้าน พร้อมอัดโปรโมชั่นช่วงท้ายปี 52 เพียบ หวังกระตุ้นยอดขาย ด้าน “นายปราโมทย์ เจษฎาวรางกูล” ผู้บริหาร วังทองกรุ๊ปเผย เตรียมนำรูปแบบการสร้างบ้านใหม่ด้วยระบบ “เสา-คานสำเร็จ และผนังสำเร็จ” คุณภาพสูง มาตอบสนองความต้องการของลูกค้า สามารถสร้างบ้านให้แล้วเสร็จไม่เกิน 3 เดือน ย้ำปีนี้
นายปราโมทย์ เจษฎาวรางกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท วังทองกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทได้มีการพัฒนาโครงการ “บ้านวราบดินทร์ วงแหวน-ลำลูกกา” ตั้งแต่เมื่อ ปี 2548 บนเนื้อที่โครงการรวม 275 ไร่ 853 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 4,000 ล้านบาท มีการจัดแบ่งผังโครงการออกเป็น 5 Loop ซึ่งในแต่ละ Loop จัดให้มีสวนสาธารณะ และมีป้อมยามรักษาความปลอดภัยควบคุมการเข้าออกเฉพาะในแต่ละ Loop เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้สูงสุดของลูกบ้าน ถนนเมนมีขนาดที่กว้างถึง 22 เมตร ถนนหลักใน Loop กว้าง 12 เมตร และถนนซอยกว้าง 9 เมตร มีสโมสร สระว่ายน้ำเปิดให้บริการแล้ว มีแบบบ้านให้เลือกอยู่ 4 แบบในช่วงแรก ต่อมาได้มีการพัฒนาเพิ่มอีก 4 แบบรวม ณ ปัจจุบันมีแบบบ้านให้เลือกถึง 8 แบบ 8 สไตล์ และในปัจจุบันโครงการบ้านวราบดินทร์ได้มีการพัฒนาโครงการมากยิ่งขึ้น โดยใช้แนวคิดในการสำเสนอ คือ โครงการบ้านวราบดินทร์ “บ้านฉลาด ๆ เพื่อการอยู่อาศัยที่ชาญฉลาด”
สำหรับแนวคิดฉลาด ๆ ของโครงการบ้านวราบดินทร์นั้น จะแบ่งเป็น 3 แนวคิดฉลาด ๆ ด้วยเรื่อง ทำเลฉลาด ๆ ด้วยมุมมองที่ลึกไปถึงในอนาคต เข้าถึงความต้องการของผู้อยู่อาศัย ด้วยทำเลที่ฉลาด ๆ ทั้งเรื่องติดทางด่วนสายใหม่ วัชรพล-ลำลูกกา, ติดถนนใหญ่, ติดรถไฟฟ้า, ติดห้าง Big C และเรื่อง ดีไซน์ฉลาด ๆ ทุกพื้นที่ใช้สอย และฟังก์ชั่นการใช้งาน ถูกจัดให้ตอบรับกับการใช้ชีวิตที่ลงตัว ที่สุดโดยไม่ต้องมีการต่อเติมด้วยเรื่อง ดีไซน์ลงตัว, ไม่ต้องปรับ, ไม่ต้องต่อเติมและใช้ได้จริง
และเรื่องฉลาดสุดท้ายจะเป็นเรื่อง ลงทุนฉลาด ๆ เมื่อเปรียบเทียบกับโครงการอื่น ในระดับของบ้านที่ใกล้เคียงกัน ที่นี่จะให้พื้นที่ใช้สอยที่มากกว่า แต่ให้ข้อเสนอในราคาที่คุณจ่ายน้อยกว่า, ขนาดใหญ่กว่า, พื้นที่ใช้สอยมากกว่า และจ่ายน้อยกว่า
สำหรับแบบบ้านของโครงการบ้านวราบดินทร์ แบ่งออกเป็น 8 แบบด้วยกันคือ
แบบที่ 1 Type A (เรือนวราพฤกษ์)เนื้อที่ 100 ตร.ว.พื้นที่ใช้สอย 331 ตร.ม. 4
ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ราคาพิเศษ 7.49 ล้านบาท
แบบที่ 2 Type B (เรือนวราวดี ) เนื้อที่ 80 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 291 ตร.ม. 3 ห้องนอน
4 ห้องน้ำ(พร้อมห้องน้ำคนรับใช้)ราคาเริ่มต้น 5.99 ล้านบาท
แบบที่ 3 Type C (เรือนวราภา)เนื้อที่ 60 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 221 ตร.ม. 3
ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ราคาเริ่มต้น 5.38 ล้านบาท
แบบที่ 4 Type D(เรือนวราธร)เนื้อที่ 60 ตร.ว.พื้นที่ใช้สอย 147 ตร.ม. 3
ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ราคาเริ่มต้น 3.49 ล้านบาท
แบบที่ 5 Type F (เรือนวรานนท์) เนื้อที่ 62 ตร.ว.พื้นที่ใช้สอย 144 ตร.ม. 3
ห้องนอน 2-3 ห้องน้ำ ราคาเริ่มต้น 3.39 ล้านบาท
แบบที่ 6 บ้านเดี่ยวชั้นเดียว (เรือนวราพรรณ) เนื้อที่ 62 ตร.ว. 122 ตร.ม. 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ
ราคาเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท
แบบที่ 7 แบบบ้านแฝด (เรือนวรวรา) เนื้อที่ 35 ตร.ว. 142 ตร.ม. 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ
ราคาพิเศษเพียง 2.49 ล้านบาท
แบบที่ 8 Type J (เรือนวรินลดา) 80 ตร.ว. 3 นอน 3 ห้องน้ำ ราคาเริ่มต้น 4.98 ล้าน
นายปราโมทย์ กล่าวต่อไปว่า ด้วยศักยภาพของโครงการฯ บ้านหรูบนทำเลที่ดีที่สุด ติดถนนใหญ่(ลำลูกกา) ใกล้ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ และวงแหวนตะวันออก กับโครงการในอนาคตที่ถูกกำหนดให้เป็นสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม ซึ่งจะมีสถานีสุดท้าย คือ สถานีหมู่บ้าน วราบดินทร์ ลำลูกกา ซึ่งจะทำให้ที่นี่กลายเป็นที่อยู่อาศัยที่ลงตัวที่สุดในย่านนี้ และในช่วงก่อนสิ้นปี 2552 นี้ทางบริษัทฯ ยังได้จัดโปรโมชั่นพิเศษ คือจ่าย 10,000 รับคืน 100,000 บาท
นายปราโมทย์ กล่าวถึงเรื่องการพัฒนารูปแบบการก่อสร้างของบริษัทว่า ทางบริษัทฯ ได้ร่วมกับ บริษัท พรีคาสท์ ไทย จำกัด ผู้พัฒนาระบบชิ้นส่วนสำเร็จรูปในงานก่อสร้างอาคารของคุณภาพสูงของเมืองไทย ร่วมมือกันพัฒนารูปแบบการก่อสร้างด้วยการผสมผสานระหว่างระบบโครง (Skeleton Systems) หรือ ระบบเสา-คาน (Beam–Column) สำเร็จ และระบบชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูป ที่มีทั้งแผ่นพื้นสำเร็จรูป และแผ่นผนังสำเร็จรูป ซึ่งถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ได้การผสมผสานกันในการสร้างบ้านให้กับลูกค้าของโครงการบ้าน บริษัท วังทองกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งบริษัทได้นำระบบนี้มาสร้างบ้านโครงการวราบดินทร์เป็นแห่งแรก และโครงการต่อ ๆ ไป
“สำหรับการใช้ระบบ เสา-คาน และผนัง สำเร็จนั้น ถือได้ว่าเป็นระบบที่มีความสม่ำเสมอและมีคุณภาพสูงในการผลิต และเที่ยงตรง วัสดุทุกชิ้นที่ใช้ในการก่อสร้างมีความแข็งแรงและได้รับมาตรฐานมาใช้กับโครงการของบริษัทฯ ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาในการสร้างบ้านให้กับลูกค้าได้ถึง 20-30 % หรือจากเดิมต้องใช้ระยะเวลาในการก่อสร้าง 5 เดือน ก็จะเหลือประมาณ 3 เดือน และจากนี้ไป บริษัทจะสร้างบ้านให้แล้วเสร็จก่อนแล้วให้ลูกค้าเลือกชมบ้านด้วย” นายปราโมทย์ กล่าว
นายปราโมทย์ กล่าวสรุปในตอนท้ายว่า “สำหรับทิศทางของบริษัทฯ ในปี 2553 นี้ ได้วางแนวทางในการลงทุนในโครงการทาวน์เฮ้าส์มากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาจะเป็นการลงทุนในบ้านเดี่ยวประมาณ 60 % และทาวน์เฮ้าส์ 40 % ซึ่งเราจะปรับการลงทุนเป็นโครงการทาวน์เฮ้าส์มากกว่าในสัดส่วน 60-70 % ในราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท โดยรูปแบบโครงการจะเน้นการออกแบบฟังชั่นการใช้สอย และดีไซน์เป็นสำคัญ ซึ่งเรามองว่าตลาดระดับนี้ยังมีกำลังซื้อที่สูงอยู่ สำหรับยอดขาย 8 เดือนที่ผ่านมาทำได้ 1,000 ล้านบาท คาดว่าทั้งปีจะทำได้ 1,500 ล้านบาท และมียอดรับรู้รายได้ 1,400 ล้านบาท เติบโตจากปี 2551 ประมาณ 10% เป้ายอดขายปีหน้าตั้งไว้ที่ 1,600-1,700 ล้านบาท เติบโตขึ้น 10% และจากการที่เราได้ปรับรูปแบบการก่อสร้างจะทำให้ลูกค้าได้บ้านเร็วขึ้น นั่นก็หมายถึงเราได้รายรับเร็วขึ้นเช่นกัน”