ธนาสิริ กรุ๊ป ชูศักยภาพทีมงาน สินค้าคุณภาพ และความแข็งแกร่งขององค์กร

บมจ. ธนาสิริ กรุ๊ป อสังหารายกลางเจ้าตลาดเมืองนนท์ เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ โดยใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “THANA” มี เอเซีย พลัส แอดไวเซอรี เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ชูความแข็งแกร่งขององค์กร มีทีมงานคนรุ่นใหม่ที่เป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง อีกทั้งสินค้าคุณภาพในราคาสมเหตุผล เชื่อเข้าเป็นอสังหาฯดาวเด่นในตลาดเอ็มเอไอ

นายสุทธิรักษ์ เสถียรภาพอยุทธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า บริษัท เริ่มก่อตั้งโดยคุณประสิทธิ์ เสถียรภาพอยุทธ์ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2528 โดยใช้ชื่อ “บริษัท ประสิทธิ์ปิ่นเกล้า จำกัด” ด้วยทุนจดทะเบียนจำนวน 50 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้านจัดสรรพร้อมที่ดินเพื่อขาย โครงการส่วนใหญ่เป็นโครงการอาคารพาณิชย์และทาวน์เฮาส์ และได้พัฒนาโครงการมาอย่างต่อเนื่อง ต่อมาในปี 2545 ทายาทคุณประสิทธิ์ได้เข้ามาสานกิจการต่อและพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ กลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นกลุ่มที่มีรายได้ระดับปานกลาง จากประสบการณ์เกือบ 30 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มุ่งเน้นการสร้างที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพและพัฒนาหลาย ๆ โครงการในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงกัน ทำให้บริษัทฯ มีความชำนาญเฉพาะพื้นที่เป็นอย่างดี สามารถเข้าใจและทราบถึงความต้องการของลูกค้า ประชาชนในพื้นที่มีความคุ้นเคยกับโครงการจึงส่งผลให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจจากลูกค้าได้มากขึ้น

ในปี 2550 บริษัทฯ ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 200 ล้านบาท เพื่อให้รองรับแผนงานการขยายตัวทางธุรกิจ และในปี 2551 ได้มีการปรับโครงสร้างการถือหุ้นภายในกลุ่มโดยเข้าซื้อหุ้นบริษัท ธนาสิริ พร๊อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (“TPD”) (เดิมชื่อ บริษัท กมลา แมนชั่น จำกัด) จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2533 ทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท ในสัดส่วนร้อยละ 99.6 ของทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว บริษัทฯ ได้จดทะเบียนแปรสภาพบริษัทเป็นบริษัทมหาชนจำกัดและได้มีการเปลี่ยนชื่อบริษัทฯ เป็น “บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)” เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2552 โดยมีทุนจดทะเบียนจำนวน 255 ล้านบาท โดยเป็นทุนชำระแล้วจำนวน 200 ล้านบาท

โดยกลุ่มบริษัทธนาสิริ ประกอบด้วย บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จะเป็นผู้พัฒนาโครงการในเขตปริมณฑล โดยจะเน้นทำเลย่านจังหวัดนนทบุรี เนื่องจากมีเส้นทางคมนาคมที่สะดวกสบาย และมีแผนขยายเครือข่ายคมนาคมในอนาคต และบริษัท ธนาสิริ พร๊อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (“TPD”) จะเน้นพัฒนาโครงการในทำเลที่อยู่ในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต ทุกโครงการพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิดที่ว่า “การสร้างครอบครัว สังคม ที่ร่มรื่น อบอุ่นให้แก่ลูกค้าในทุกช่วงจังหวะชีวิตที่ ธนาสิริ” และใช้ชื่อโครงการภายใต้แบรนด์หลัก 3 แบรนด์ ได้แก่ “ธนาสิริ” เป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับกลาง ระดับราคา 4-10 ล้านบาท เน้นตลาดสำหรับผู้มีรายได้ค่อนข้างสูง “ไพร์ม เพลส” และ “เดอะ คลัสเตอร์ วิลล์” โครงการบ้านทาวเฮาส์ / บ้านแฝด ระดับราคา 1.5-4 ล้านบาท เน้นตลาดสำหรับผู้มีรายได้ปานกลาง ในปัจจุบัน กลุ่มบริษัท ธนาสิริ มีโครงการที่ดำเนินการอยู่ทั้งสิ้น 8 โครงการมีทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และ ทาวน์เฮาส์ โดย 5 โครงการอยู่ในจังหวัดนนทบุรี และอีก 3 โครงการอยู่ในจังหวัดภูเก็ต มีมูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นกว่า 1,861 ล้านบาท

บริษัทฯ มีนโยบายในการพัฒนาโครงการในขนาดไม่ใหญ่มากนัก โดยเฉลี่ยจะมีเนื้อที่ประมาณ 15-20 ไร่ และอายุโครงการโดยเฉลี่ย 2 ปี ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงสร้างความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ และความเป็นส่วนตัวให้กับลูกค้าผู้อยู่อาศัย สำหรับงานก่อสร้างจะว่าจ้างผู้รับเหมาเพื่อดำเนินงานก่อสร้างที่อยู่อาศัยทั้งโครงการ จำนวนผู้รับเหมาขึ้นอยู่กับขนาดของแต่ละโครงการ โดยบริษัทฯ จะมีวิศวกรและผู้ควบคุมงานก่อสร้างของบริษัทฯ เข้าตรวจสอบดูแลงานก่อสร้างให้เป็นไปตามรูปแบบ ให้มีมาตรฐาน และให้ตรงตามเวลาที่กำหนด

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเป็นผู้จัดหาวัสดุก่อสร้างหลักเองทั้งหมด เพื่อที่บริษัทฯ จะได้บริหารต้นทุนงานก่อสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์และบริการ ตั้งแต่การสำรวจศึกษาวิจัยเพื่อดูความต้องการของลูกค้า การคัดเลือกทำเลที่ตั้งโครงการอยู่ในย่านการคมนาคมสะดวกสบาย ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกมีเครือข่ายคมนาคมรองรับการใช้วัสดุก่อสร้างที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน และมีบุคลากรที่มีประสบการณ์ในการตรวจสอบงานคุณภาพ และมีบริการหลังการขายโดยให้ความดูแลและรักษาสภาพชุมชน รวมถึงการรักษาความปลอดภัยให้กับลูกค้าภายหลังพัฒนาโครงการแล้วเสร็จ นอกจากนี้บริษัทฯ ได้ออกแบบพื้นที่ส่วนกลางของแต่ละโครงการให้มีลักษณะโดดเด่น มีการจัดสรรให้พื้นที่มากกว่าที่กฎหมายกำหนด เพื่อเพิ่มความร่มรื่นให้แก่ผู้อยู่อาศัยในโครงการ

จุดแข็งของบริษัทฯ ที่ทำให้มีศักยภาพสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นๆ ได้แก่ รูปแบบบ้านที่ออกแบบมาให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า เช่น โครงการคลัสเตอร์วิลล์ เป็นทาวน์เฮาส์สไตล์บ้านเดี่ยว หน้ากว้าง 8 เมตร กว้างกว่าทาวน์เฮาส์ทั่วไป การจัดแบ่งบ้านเป็นกลุ่ม ๆ ละ 2 – 4 หลัง ทุกหลังมีสวนส่วนตัว หรือถ้าเป็นโครงการไพร์มเพลส รูปแบบทาวน์เฮาส์แต่จะมีห้องนอนชั้นล่าง ภายในโครงการมีสระว่ายน้ำ สโมสร และฟิตเนส แตกต่างจากโครงการทาวน์เฮาส์อื่น ๆ ซึ่งจะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกดังกล่าว นอกจากนี้ บริษัทฯ มี

โครงการบ้านแฝด มีรูปแบบสไตล์บ้านเดี่ยว มีฟังก์ชั่นใช้สอยเหมือนบ้านเดี่ยวแต่ลูกค้าสามารถจ่ายได้ในราคาบ้านแฝดซึ่งจะต่ำกว่าบ้านเดี่ยวทั่วไป การจัดสรรพื้นที่ส่วนกลาง บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของลูกค้า โดยทุก ๆ โครงการของบริษัทฯ ไม่ว่าจะเป็นโครงการทาวน์เฮาส์ บ้านแฝด และบ้านเดี่ยว จะมีการจัดสรรพื้นที่ส่วนกลางที่มากกว่าพื้นที่ตามที่กฎหมายกำหนด และบริษัทฯ นำพื้นที่ส่วนกลางดังกล่าวมาสร้างเป็นสระว่ายน้ำ สโมสร และฟิตเนส เพื่อให้เป็นจุดพักผ่อน และให้ลูกค้าได้ออกกำลังกาย ลูกค้ามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งโครงการของคู่แข่งทั่วไปจะไม่เน้นการเพิ่มพื้นที่ส่วนกลางแต่จะนำพื้นที่มาพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยมากกว่า บริษัทฯ ได้นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาพัฒนาใช้ในการบริหารจัดการแบบออนไลน์ระหว่างทุกโครงการและสำนักงานใหญ่ ได้แก่ โปรแกรมบริหารข้อมูลโครงการ ใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลของโครงการทั้งหมดของบริษัทฯ ซึ่งทีมผู้บริหารสามารถตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวกับการขายและสินค้าคงเหลือทั้งหมดได้ตลอดเวลา โปรแกรมบริหารงานขาย โปรแกรมสำหรับบันทึกข้อมูลลูกค้ามาเยี่ยมชม โครงการหรือข้อมูลงานขายที่เกิดจากโครงการต่างๆ ของบริษัทฯ มายังสำนักงานใหญ่ เพื่อให้ฝ่ายการตลาดสามารถวิเคราะห์ลักษณะความชื่นชอบและสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โปรแกรมระบบจัดการบริการงานหลังการขาย สามารถช่วยจัดเก็บประวัติการซ่อมและช่วยบริหารงานซ่อมทั้งหมด ซึ่งสามารถช่วยให้การติดตามสถานะการซ่อมแซม ระยะเวลา และงบประมาณที่ใช้สำหรับบ้านแต่ละหลัง และ/หรือ ในแต่ละหมวดการซ่อมเพื่อนำมาวิเคราะห์หาสาเหตุว่า เกิดจากการใช้งาน หรือวัสดุที่ใช้ หรือจากการออกแบบ โปรแกรมบริหารงานจัดซื้อ เป็นโปรแกรมในการบริการงานจัดซื้อแบบ Online ช่วยในการจัดทำใบขอซื้อและการอนุมัติผ่านระบบ Online ทำให้มีความสะดวกในการบริหารจัดการงานด้านการสั่งซื้อสินค้าและวัสดุต่างๆ รวมทั้งการตรวจสอบสถานะใบสั่งซื้อได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ลดขั้นตอนการทำงานที่ยุ่งยากและซับซ้อนได้เป็นอย่างดี ทำเลที่ตั้งของโครงการ ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีและมีความได้เปรียบในการแข่งขันสูง สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ กล่าวคือ ที่ดินที่จัดสรรจะอยู่ติดถนนใหญ่ หรือหากอยู่ในถนนรองก็จะมีระยะห่างจากถนนใหญ่ไม่เกิน 1-2 กิโลเมตร และมีการคมนาคมสะดวก ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค มีการกำหนดราคาขายอย่างสมเหตุสมผล เนื่องจากราคาเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัย บริษัทฯ จึงมีนโยบายในการกำหนดราคาอย่างยุติธรรม เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้ามากที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งขันที่เสนอสินค้าในระดับราคาเดียวกัน สินค้าของบริษัทฯ จะมีฟังก์ชั่นการใช้สอยที่มากกว่า รูปแบบที่โดดเด่นกว่า และสภาพโครงการ ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการที่เหนือกว่า บริษัทฯ มีนโยบายในการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพดีและง่ายต่อการบำรุงรักษาในอนาคต เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและลดภาระของลูกค้าในการบำรุงรักษาหรือซ่อมแซมในอนาคต ประกอบกับทีมงานที่เปี่ยมด้วยความสามารถและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากองค์กรมีขนาดเล็ก ดังนั้น จึงมีความคล่องตัวและความยืดหยุ่นในการทำงานค่อนข้างสูง ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบทางด้านการบริหารและการจัดการ

บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 255 ล้านบาท มีจำนวนทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 200 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยบริษัทฯจะเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ต่อประชาชนทั่วไปจำนวน 50 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 20 ของทุนชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ และมีมติออกหุ้นสามัญจำนวน 5.0 ล้านหุ้นเพื่อรองรับใบสำคัญแสดงสิทธิ์ที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ที่ออกให้กรรมการและพนักงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย จำนวน 5.0 ล้านหน่วย คิดเป็นร้อยละ 19.6 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทและการเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทให้กับกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อย โดยบริษัทฯ มีวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในโครงการที่มีอยู่ในปัจจุบัน ใช้พัฒนาโครงการในอนาคตต่อไป และชำระเงินกู้ยืมบางส่วน

“สำหรับเป้าหมายการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ใน 3 ปีข้างหน้า บริษัทฯ มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่มีความแตกต่าง ในระดับราคาที่สามารถแข่งขันได้ บนทำเลที่มีศักยภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยของกลุ่มเป้าหมายของบริษัท ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีรายได้ส่วนใหญ่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถึงในส่วนภูมิภาคที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองโดยการพัฒนาโครงการ บริษัทฯ จะเลือกพัฒนาในทำเลที่เหมาะสมและมีศักยภาพ ตามแนวสาธารณูปโภคที่ดีให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าและมีโครงสร้างการลงทุนที่เหมาะสม เชื่อว่า “THANA” น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน” กรรมการผู้จัดการกล่าวปิดท้าย