“กระเบื้องตราเพชร” เปิดเกมรุกเต็มที่ปี 53

“กระเบื้องหลังคาตราเพชร” มองภาพธุรกิจปี 2553 เติบโตโดดเด่น “สาธิต สุดบรรทัด” เผยดีลเลอร์เตรียมสต็อกสินค้าเพิ่มขึ้น มั่นใจเศรษฐกิจฟื้น ราคาพืชผลเกษตรพุ่งหนุนกำลังซื้อที่อยู่อาศัย และซ่อมแซมบ้านเก่าคึกคัก ย้ำได้สายการผลิตใหม่ NT9 เข้ามา ทำให้ลดการสูญเสียโอกาส เปิดตลาดใหม่ ตอบโจทย์ทุกกลุ่มลูกค้า ดันยอดขายโตไม่น้อยกว่า 10%

นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายงานการขายและการตลาดบริษัท กระเบื้องหลังคาตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ “DRT” ผู้ผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์หลังคารุ่นเจียระไน รุ่นอดามัส และรุ่น CT เพชร ผลิตภัณฑ์ไม้ฝาและไม้สังเคราะห์ ผลิตภัณฑ์แผ่นบอร์ด รวมถึงอุปกรณ์ประกอบหลังคา และบริการหลังการขาย ภายใต้ตราสินค้า “ตราเพชร” เปิดเผยว่า ภาพรวมสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้างในปี 2553 คาดว่าจะมีทิศทางที่เติบโตมากกว่าปีนี้ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์กระเบื้องที่จะฟื้นตัวอย่างโดดเด่นตามภาวะเศรษฐกิจและตามการขยายตัวของตลาดที่อยู่อาศัย อันเนื่องมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และการแก้ปัญหาหนี้สินให้กับประชาชนระดับกลางและล่าง

“ภาพรวมธุรกิจของ DRT ปีหน้าเรามองว่าจะเติบโตอย่างโดดเด่น โดยคาดรายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เนื่องจากมีปัจจัยบวกทั้งเรื่องของกำลังการผลิตใหม่จากสายการผลิตที่ 9 ที่จะเข้ามาตอบโจทย์การทำตลาดในปีหน้า ทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการสายการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และการฟื้นตัวของภาคการก่อสร้างจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐซึ่งจะหนุนให้ความต้องการกระเบื้องคอนกรีต และผลิตภัณฑ์ไฟเบอร์ซีเมนต์เติบโตอย่างโดดเด่น” นายสาธิต กล่าวและว่า นอกจากนี้ ราคาสินค้าเกษตรที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันกำไรของบริษัทฯ โดยตรงจนถึงปีหน้า เนื่องจากรายได้และความมั่งคั่งของเกษตรกรจะกระตุ้นอุปสงค์ที่อยู่อาศัยรวมถึงอุปสงค์เพื่อการซ่อมแซมบ้านเก่า

รองกรรมการผู้จัดการสายงานการขายและการตลาด DRT ขยายความถึงสายการผลิตที่ 9 (NT9) ว่า บริษัทฯ ใช้งบลงทุนประมาณ 465 ล้านบาท โดยจะเน้นผลิตภัณฑ์กลุ่มไม้สังเคราะห์ เช่น ไม้เชิงชาย ไม้ฝา ไม้ระแนง ไม้มอบ ไม้บัว และบอร์ด เพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายงานโครงการอาคารสูง ซึ่งเดิมต้องใช้สายการผลิตที่มีอยู่เดิมมาผลิตสินค้าเหล่านี้เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า แต่เมื่อมีสายการผลิตใหม่ สายการผลิตที่มีอยู่เดิมก็สามารถนำไปใช้ผลิตสินค้าในกลุ่มที่ยังมีความต้องการสูง ไม่ว่าจะเป็นกระเบื้องแผ่นเรียบหรือกระเบื้องลอนคู่ได้

“สายการผลิตใหม่จะเพิ่มโอกาสทางการค้าให้กับบริษัทฯ เพราะก่อนหน้านี้บริษัทฯ มีข้อจำกัดในเรื่องกำลังการผลิต ทำให้สูญเสียออร์เดอร์ไปเป็นจำนวนไม่น้อย เรียกว่าเป็นการสูญเสียโอกาสทำเงินไปเป็นสิบล้านบาท ดังนั้นกำลังการผลิตใหม่จะเข้ามาเพิ่มทั้งปริมาณและความหลากหลายของสินค้า เห็นสัญญาณบวกจากดีลเลอร์หลายรายมีการสต็อกสินค้าเพิ่มขึ้น เพราะมั่นใจว่าขายได้แน่นอน” รองกรรมการผู้จัดการสายงานการขายและการตลาด DRT กล่าว

นายสาธิตกล่าวด้วยว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2553 บริษัทฯ จะขยายตลาดในเชิงรุก โดยเพิ่มช่องทางขายผ่านโมเดิร์นเทรดมากขึ้น เนื่องจากสายการผลิตใหม่ทำให้บริษัทฯ มีสินค้าที่หลากหลาย และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น รวมถึงการเดินเครื่องสายการผลิตใหม่ (NT9) ที่จะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกปี 2553

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาพบว่ามีตัวแทนจำหน่าย (ดีลเลอร์) ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนกว่า 700 รายทั่วประเทศ เริ่มมีการสต็อกสินค้าเพิ่มมากขึ้น จากก่อนหน้านี้ปริมาณสินค้ามีไม่เพียงพอกับความต้องการของดีลเลอร์

ขณะที่แนวโน้มด้านราคาสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้างในปีหน้านั้น คาดว่าผู้ประกอบการจะมีการปรับราคาสินค้าขึ้นบ้างตามต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น เช่น ปูนซีเมนต์ ที่เริ่มมีการปรับราคาขายขึ้นไปบ้างแล้ว แต่ในส่วนของบริษัทฯ ขณะนี้ยังไม่มีแผนในการปรับราคาสินค้าแต่อย่างใด