จากภาพ : นายบัณฑูร ล่ำซำ (ซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย นายต่ง เหวินเปียว (กลาง) รองประธานกรรมาธิการเศรษฐกิจ สภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งชาติจีน และประธานกรรมการ ธนาคารไชน่า หมินเซิง และนายหง ฉี (ขวา) กรรมการผู้จัดการ ธนาคารไชน่า หมินเซิง ร่วมพิธีลงนามความร่วมมือในการเปิดพรมแดนการเงิน จีน-ไทย สร้างนวัตกรรมการเงินสองแผ่นดิน
กสิกรไทยจับมือไชน่า หมินเซิง แบงก์ สร้างปรากฏการณ์ครั้งแรกของธุรกิจการธนาคารจีน-ไทย เปิดพรมแดนการเงิน ผนึกเครือข่ายบริการของทั้งสองธนาคารให้ลูกค้าใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของทั้งสองธนาคารได้ พร้อมตั้งเป้าร่วมปล่อยกู้เอสเอ็มอีจีนปีนี้ 6,000 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2553 ณ ห้องชมพูภูคา ธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ นายต่ง เหวินเปียว รองประธานกรรมาธิการเศรษฐกิจ สภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งชาติจีน และประธานกรรมการ ธนาคารไชน่า หมินเซิง ได้เป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือในการเปิดพรมแดนการเงินจีน-ไทย สร้างนวัตกรรมการเงินสองแผ่นดิน เพื่อขยายความร่วมมือในการให้บริการทางเงินแก่ลูกค้าของธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไชน่า หมินเซิง โดยมีนายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย และนายหง ฉี กรรมการผู้จัดการ ธนาคารไชน่า หมินเซิง ร่วมลงนาม
นายต่ง เหวินเปียว ประธานกรรมการ ธนาคารไชน่า หมินเซิง กล่าวว่าธนาคารกสิกรไทยและธนาคารไชน่า หมินเซิงเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกันมาตั้งแต่ 2547 ที่ผ่านมา ทีมงานของทั้งสองธนาคารได้ร่วมกันศึกษาและพัฒนารูปแบบการให้บริการทางการเงินและร่วมปล่อยสินเชื่อแก่เอสเอ็มอีในจีน รวมเทคนิคการบริหารความเสี่ยง ซึ่งเป็นการจัดทำรูปแบบบริการทางการเงินแก่เอสเอ็มอีในประเทศจีนที่สมบูรณ์แบบเป็นครั้งแรก ทำให้โครงการดังกล่าวมีความก้าวหน้าและประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มูลค่าการค้าระหว่างจีนและอาเซียนเพิ่มขึ้นจาก 5.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 2.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 ที่เขตการค้าเสรีอาเซียน-จีนได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ มูลค่าการค้าระหว่างอาเซียนและจีนจะเพิ่มเป็นร้อยละ 13 ของมูลค่าการค้าโลก กลายเป็นประชาคมเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่ครอบคลุม 11 ประเทศ จำนวนประชากร 1.9 พันล้านคน และมี GDP สูงถึง 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเขตการค้าเสรีที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดและเป็นเขตการค้าเสรีระหว่างประเทศกำลังพัฒนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ดังนั้น ในอนาคตความร่วมมือระหว่างธนาคารกสิกรไทยและธนาคารไชน่า หมินเซิงในด้านต่าง ๆ จะขยายเพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นพื้นฐานช่วยส่งเสริมและอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจของทั้งสองประเทศ ซึ่งมั่นใจได้ว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากการที่ธนาคารได้เริ่มขยายธุรกิจในจีน ด้วยการร่วมมือกับธนาคารไชน่า หมินเซิง ธนาคารเอกชนชั้นนำของจีน ปล่อยกู้ให้แก่ธุรกิจเอสเอ็มอีในประเทศจีน ซึ่งจะเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญของการทำธุรกิจในจีนของธนาคารกสิกรไทย โดยในขณะนี้โครงการปล่อยกู้ร่วมให้เอสเอ็มอีในจีนได้ปล่อยกู้ไปแล้ว 178 ล้านหยวน หรือประมาณ 900 ล้านบาท ในขณะที่ตลาดลูกค้าเอสเอ็มอีในจีนมีขนาดที่ใหญ่มาก และมีความต้องการเงินทุนในการประกอบธุรกิจอย่างมหาศาล ดังนั้น ในปี 2553 ธนาคารฯ มีเป้าหมายในการปล่อยกู้ร่วมกันทั้งสิ้น 1,200 ล้านหยวน หรือประมาณ 6,000 ล้านบาท
นอกจากการปล่อยกู้ให้เอสเอ็มอีในจีนแล้ว ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไชน่า หมินเซิง ยังมีโครงการเปิดพรมแดนการเงินจีน-ไทยด้วยความร่วมมือให้บริการผ่านเครือข่ายสาขาของธนาคารไชน่า หมินเซิง กว่า 400 แห่งทั่วประเทศจีน สาขาของธนาคารกสิกรไทยในประเทศจีน และสาขาของธนาคารกสิกรไทยในประเทศไทย 800 แห่ง เพื่อสนับสนุนการค้าและการลงทุนโดยตรงระหว่างลูกค้าของทั้ง 2 ประเทศภายใต้แนวคิดธุรกิจไร้ขีดจำกัด
ทั้งนี้ ความร่วมมือในการขยายการให้บริการแก่ลูกค้าทั้งในประเทศจีนและประเทศไทย ได้แก่ บริการโอนเงินสกุลเงินหยวนระหว่างประเทศ บริการด้านธุรกิจบริหารทรัพย์ (Wealth Management) ได้แก่ การลงทุนในกองทุนรวม การซื้อขายหลักทรัพย์ และเงินฝาก บริการด้านสินเชื่อ ได้แก่ การปล่อยกู้ร่วม (Syndicated Loan) แฟคเตอริ่ง และที่ปรึกษาทางการเงิน บริการด้านตราสารอนุพันธ์ แบงก์แอสชัวรันช์ การแลกเปลี่ยนข้อมูลแนวโน้มด้านเศรษฐกิจและธุรกิจระหว่างกัน
“ต่อไปลูกค้าของธนาคารกสิกรไทย สามารถใช้บริการทางการเงินที่ธนาคารไชน่า หมินเซิงในประเทศจีนได้ เช่น ธนาคารกสิกรไทยและธนาคารไชน่า หมินเซิง ร่วมให้เครดิตสกุลเงินหยวนแก่บริษัทไทยที่ลงทุนในประเทศจีน และการให้เครดิตสกุลเงินหยวนแก่บริษัทจีนที่ลงทุนในประเทศไทย รวมทั้งผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่น ๆ ของธนาคารใน 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ การฝากเงิน การลงทุน การบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวน และการค้าระหว่างประเทศ ความร่วมมือดังกล่าวเป็นการสร้างนวัตกรรม สู่ความเป็นเลิศทางการเงินสองแผ่นดิน ที่เป็นประโยชน์ต่อนักธุรกิจของทั้งสองประเทศอย่างมาก” นายบัณฑูร กล่าว
นอกจากนั้น ยังมีโครงการแลกเปลี่ยนความรู้และนวัตกรรมการบริหารธุรกิจธนาคารระหว่างทั้ง 2 ธนาคาร เนื่องจากธนาคารกสิกรไทย เป็นผู้นำการตลาดอันดับ 1 ในธุรกิจเอสเอ็มอีในประเทศไทย และได้รับการยกย่องให้เป็นธนาคารชั้นนำของเอเชียในการให้บริการแก่เอสเอ็มอี ภายใต้แนวคิด “Customer Centricity” ซึ่งจะมีการแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องการสร้างแบรนด์ การตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการสร้างระบบการบริหารเครดิตแบบครบวงจร เพื่อผสมผสานกับเทคนิคในการบริหารธุรกิจธนาคารในประเทศจีนของธนาคาร ไชน่า หมินเซิง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการทำธุรกิจเพื่อตอบสนองต่อความต้องการลูกค้าเอสเอ็มอีในประเทศจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพร่วมกัน