กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ติวเข้มผู้ประกอบการไทยและนักลงทุน ภายใต้โครงการสัมมนา “โอกาสการค้า การลงทุน ในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community: AEC) ครั้งที่ 8 ที่กรุงเทพฯ หวังกระตุ้นนักลงทุนและผู้ประกอบการเป็น AEC เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าและการลงทุนของประเทศ รวมทั้งดึงดูดนักลงทุนเข้าประเทศ
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2553 กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จัดงานสัมมนาให้ความรู้ ความเข้าใจ และให้ประสบการณ์กับนักธุรกิจและนักลงทุนภายใต้โครงการ “โอกาสการค้า การลงทุน ในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” ซึ่งจัดเป็นครั้งที่ 8 ที่ห้องบอลรูม ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ รวมทั้งกระตุ้นให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนของไทย ได้เตรียมพร้อมในการเพิ่มโอกาสทางการค้า หลังจากอาเซียนได้บรรลุข้อตกลงการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) และจะมีการเปิดเสรีเต็มรูปแบบในปี 2558
“การสัมมนาครั้งนี้ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศมุ่งหวังที่จะกระตุ้นกลุ่มนักลงทุนไทย ผู้ร่วมทุนในประเทศไทย ให้ได้รับข้อมูล และประสบการณ์จากวิทยากร ที่ประสบความสำเร็จใน การดำเนินงานมาแล้ว เพื่อนำไปวางแผน ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการลงทุน และเตรียมตัวหาช่องทางการใช้ประโยชน์จากการเปิดเสรีการค้า ที่มีผลบังคับใช้ ทำให้แต่ละประเทศสมาชิกได้เริ่มทยอยลด มาตรการภาษีนำเข้าตามข้อตกลงที่ประเทศสมาชิกได้ทำร่วมกัน โดยงานสัมมนาในรูปแบบดังกล่าว จัดมาแล้วทั้งหมด 7 ครั้ง ซึ่งได้รับกระแสตอบรับและการตื่นตัวของผู้ประกอบการและนักลงทุนเป็นอย่างดี” นางนันทวัลย์ กล่าว
อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ยังกล่าวอีกว่า การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียน ไปสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 นั้น จะทำให้ธุรกิจขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ได้รับประโยชน์จากการเข้าถึงตลาดที่ใหญ่ขึ้น ต้นทุนและค่าใช้จ่ายถูกลง เนื่องจากภาษีศุลกากร อุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษีจะหมดไป และกฎระเบียบต่างๆ จะได้รับการปรับประสานให้สอดคล้องกันมากขึ้น ขณะเดียวกันผู้ประกอบการไทยในสาขาที่ไทยมีความเข้มแข็งและ
มีศักยภาพในการแข่งขัน อาทิเช่น ผลิตภัณฑ์อาหาร ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ การท่องเที่ยว การบริการสาขาสุขภาพ และสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ ต้องเร่งศึกษาหาลู่ทางการปรับตัว และใช้โอกาสจากการลดอุปสรรคทางการค้าและการลงทุนต่างๆ ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่
“งานสัมมนาครั้งนี้ จะพยายามทำให้ภาคเอกชนของไทยเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นว่า การมีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จะช่วยลดอุปสรรคในการทำธุรกิจระหว่างกัน และทำให้เกิดความโปร่งใส เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนในการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับโอกาส และการเปลี่ยนแปลงทางการค้าที่เกิดขึ้นในอนาคต ที่ทำให้การค้าการลงทุนของประเทศสมาชิกในอาเซียน มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น” อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าว
ทั้งนี้ ในงานสัมมนาได้รับเกียรติจาก ผศ.ดร. การดี เลียวไพโรจน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “Creative Economy กับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนของไทย” รวมถึงการเสวนาเรื่อง “ตลาดการค้าชายแดน สู่ตลาดการค้าอาเซียน : กรณีการค้าชายแดนไทย – ลาว (จังหวัดมุกดาหาร) การค้าชายแดนไทย-กัมพูชา (ตลาดโรงเกลือ จังหวัดสระแก้ว) และการค้าชายแดนไทย – พม่า (จังหวัดตาก) สำหรับผู้ประกอบการ SMEs” โดยมีตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการค้าชายแดน ร่วมให้ข้อมูลแก่ผู้เข้าร่วมฟังสัมมนา นอกจากนี้ ยังมี การออกบูธคลีนิกส่งเสริมการใช้ประโยชน์จาก AFTA บูธศุลกากร บูธส่งเสริมนักลงทุน บูธการเงิน ที่มาให้คำปรึกษากับผู้ประกอบการตลอดทั้งวันอีกด้วย