บริษัท ไอเอ็นจีประกันชีวิต จำกัด ประกาศจัดทัพโครงสร้างองค์กรใหม่ในประเทศไทยที่มุ่งเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยแยกการดำเนินงานด้านการขายและการบริหารจัดการออกจากกัน เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ การปรับโครงสร้างใหม่ยังช่วยส่งผลให้บริษัทสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์นวัตกรรมและพัฒนาการดำเนินงานทางด้านต่างๆ เพื่อมอบการบริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าผ่าน 3 ช่องทางหลัก คือ ตัวแทน แบงค์แอสชัวรันส์ และการประกันภัยแบบตรง
ผู้บริหารของไอเอ็นจีเผยถึงภาพรวมความสำเร็จในการดำเนินงานปี 2552 ที่ผ่านมาของไอเอ็นจีประกันชีวิตในทั่วโลก ภูมิภาค และระดับประเทศ
นายชี ชอง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการประกัน ของไอเอ็นจี เอเชีย แปซิฟิก เปิดเผยว่า “ในปี2553 นี้เรามุ่งมั่นในการขับเคลื่อนไอเอ็นจีประกันชีวิตทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทย โดยเรามุ่งเน้นการดำเนินงานที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าและมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดกับลูกค้า และเพื่อบรรลุเป้าหมายทุกๆ อย่างที่เราทำจะสะท้อนถึงความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคมากที่สุด”
นายชี กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทได้จัดตั้งหลักเกณฑ์ในการให้บริการ (Customer Golden Rules) สำหรับประเทศไทยและทั่วโลก ดังนี้
1.ไอแอ็นจี มีความพยายามอย่างยิ่งที่จะทำตามความต้องการของลูกค้าตลอดวงจรชีวิตของลูกค้า
2.ไอเอ็นจี นำเสนอผลประโยชน์ที่ยุติธรรมต่อลูกค้า
3.ไอเอ็นจี ให้รายละเอียดเกี่ยวกับความเสี่ยง ผลตอบแทน รวมทั้งราคาผลิตภัณฑ์และบริการ
4.ไอเอ็นจี ประเมินผลิตภัณฑ์ บริการ และการขายอย่างสม่ำเสมอ
5.ไอเอ็นจี ทำงานร่วมกับผู้จัดจำหน่ายที่เป็นมืออาชีพ และมีใบอนุญาตเท่านั้น
การปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ของไอเอ็นจีประกันชีวิต สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ในการให้บริการที่มุ่งเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่นี้จะสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของบริษัทและทำให้บริษัทสามารถตอบสนองทุกความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยทั้งทางด้านการให้คำแนะนำทางการเงิน และผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตในรูปแบบต่างๆ เพื่อมอบความคุ้มค่าสูงสุดให้แก่ลูกค้า ซึ่งโครงสร้างองค์กรใหม่จะมีผลอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มีนาคม 2553
นายราเจช เสฐฐี กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอเอ็นจีประกันชีวิต จำกัด กล่าวว่า “เหตุผลหลักในการจัดโครงสร้างองค์กรใหม่นี้เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจที่มุ่งให้ความสำคัญกับลูกค้าในทุกด้าน และการแยกการดำเนินงานด้านช่องทางการให้บริการ หรือการขายและกิจกรรมต่างๆ ออกจากการบริหารจัดการเป็นรายวัน โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการแก่ลูกค้ามากขึ้น นอกจากนี้ โครงสร้างใหม่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการประเมินความต้องการต่างๆ ของลูกค้าเพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมตอบสนองความจำเป็นด้านการเงินของผู้บริโภค ขณะเดียวกันจะช่วยให้การสื่อสารประชาสัมพันธ์ทางด้านผลิตภัณฑ์แก่ผู้บริโภคทั่วประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น”
การจัดโครงสร้างองค์กรใหม่ของไอเอ็นจีประกันชีวิต ได้มีการจัดตั้งหน่วยงานต่างๆ ขึ้นมารองรับ คือ หน่วยงานลูกค้าสัมพันธ์ ซึ่งมีหน้าที่ในการดูแลลูกค้า โดยส่วนงานนี้จะรับผิดชอบในการติดต่อลูกค้า การบริหารผลิตภัณฑ์ และการพัฒนาธุรกิจด้านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้าปัจจุบัน
หน่วยงานการดำเนินงานการจัดจำหน่าย (Distribution Operations) โดยมีหน้าที่ในการสนับสนุนการดำเนินงานของ 3 ช่องทางหลัก คือ ตัวแทน แบงค์แอสชัวรันส์ และการประกันภัยแบบตรง ตลอดจนในส่วนของการดำเนินงานของสาขา และการบริหารจัดการทั่วไป เพื่อทำให้การดำเนินงานของ 3 ช่องทางเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในการให้คำแนะนำทางการเงิน ด้านผลิตภัณฑ์และการให้บริการเพื่อมอบความคุ้มครอง แก่ลูกค้าและช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ชีวิตในรูปแบบที่ต้องการได้
หน่วยงานพันธมิตรทางธุรกิจ (Corporate Partners) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของช่องทางแบงค์แอสชัวรันส์และการประกันภัยแบบตรงมากยิ่งขึ้น
หน่วยงานการตลาด ซึ่งได้ถูกตั้งขึ้นมาใหม่ ซึ่งจะรับผิดชอบในการดูแลด้านภาพลักษณ์องค์กร การสื่อสาร การประชาสัมพันธ์ กิจกรรมเพื่อสังคม ด้านการประสานกับหน่วยงานราชการ และการวางแผนเชิงกลยุทธ์ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่จัดตั้งหน่วยงานการตลาดแยกออกมาของไอเอ็นจีประกันชีวิต
อนึ่ง ไอเอ็นจี กรุ๊ป ประกาศผลประกอบการ ปี 2552 เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยไอเอ็นจี กรุ๊ป มีกำไรสุทธิ 748 ล้านยูโร และไอเอ็นจี ประกันภัย เอเชีย แปซิฟิก มีกำไรก่อนหักภาษี 220 ล้านยูโร ขณะที่ บริษัท ไอเอ็นจีประกันชีวิต จำกัด มีผลกำไร 53.5 ล้านบาท ตามมาตรฐานการบัญชีสากล IFRS และมีเบี้ยประกัน รับปีแรกรวมทั้งสิ้น 2,300 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17% และยอดเบี้ยประกันรับทั้งหมดรวมทั้งสิ้น 7,800 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 26% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2551
“เราทุกคนที่ไอเอ็นจีประกันชีวิตมีความพร้อมสำหรับการเติบโตที่แข็งแรงและยั่งยืน” นายราเจช กล่าวโดยสรุป