บริษัท เบเยอร์ จำกัด ผู้นำแห่งนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ดูแลรักษาเนื้อไม้และ สีทาอาคารคุณภาพสูงครบวงจร ประกาศความสำเร็จอีกครั้ง ฉลองยอดขายสีเบเยอร์ ชิลด์ กว่าหนึ่งล้านแกลลอนแห่งความภูมิใจ พร้อมตอกย้ำความมั่นใจในคุณภาพชั้นยอดด้วย “10 Years Warranty Campaign” พร้อมจับมือ 3 พันธมิตรหลัก บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) บริษัทดูปองท์ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัทดาว เคมิคอล ประเทศไทย จำกัด ร่วมยืนยันความเป็น “สุดยอด” แห่งเทคโนโลยีในทุกๆ แกลลอน พร้อมพัฒนานวัตกรรมเพื่อก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งแห่งวงการอุตสาหกรรมสีที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
นายวรวัฒน์ ชัยยศบูรณะ รองประธานกรรมการบริหาร สีเบเยอร์ กล่าวว่า “ความสำเร็จของสีระดับซุปเปอร์ พรีเมียม “เบเยอร์ ชิลด์” ที่มียอดขายกว่าหนึ่งล้านแกลลอน เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความไว้วางใจที่ผู้บริโภคมีต่อผลิตภัณฑ์มาอย่างต่อเนื่อง และความสำเร็จในวันนี้เกิดขึ้นจากการที่เรามีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งและมีความสัมพันธ์ที่ดีมาอย่างยาวนาน โดยทั้งสามพันธมิตรได้นำสุดยอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในการร่วมพัฒนาสีเบเยอร์ ชิลด์ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์สีทาอาคารคุณภาพที่ดีที่สุดในทุกๆ มิติ สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครบถ้วน”
กลุ่มผลิตภัณฑ์สีทาอาคาร เบเยอร์ ชิลด์ เป็นสีน้ำอะคริลิกแท้ 100 เปอร์เซ็นต์ ที่รวมเอาสุดยอดนวัตกรรมในด้านต่างๆ ไว้อย่างครบครัน ประกอบด้วยเทคโนโลยีการปกป้องพื้นผิวระดับโลก Teflon? surface protector จากบริษัท ดูปองท์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่บริษัทเบเยอร์ เป็นบริษัทสีรายแรกในภูมิภาคเอเชีย- แปซิฟิก ที่ได้ลิขสิทธิ์ดังกล่าว เทคโนโลยี “อีมัลชั่น” หรือ “เลเทกซ์” ซึ่งเป็นโพลิเมอร์ที่กระจายตัวอย่างเสถียรในตัวกลางที่เป็นน้ำ มีคุณสมบัติช่วยต้านทานรังสียูวี สภาพความเป็นด่าง น้ำ การเก็บฝุ่น และยังช่วยเพิ่มความเสถียรของสี จากบริษัทเคมีภัณฑ์ชั้นนำของโลกอย่าง ดาว เคมิคอล ประเทศไทย และสุดยอดเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ล้ำสมัย IML (In mould Labeling) จาก บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตลอดกระบวนการผลิต รวมทั้งนวัตกรรม เทคโนโลยีการพิมพ์ฉลากติดในแม่พิมพ์ซึ่งจะเป็น การเคลือบสีกับถังสี แทนการพิมพ์สีข้างถ้วยแบบซิลล์สกรีน ซึ่งบริษัทศรีไทยเป็นรายแรกที่ใช้เทคโนโลยีนี้ ในเมืองไทย
“ด้วยความมั่นใจในคุณภาพของสีเบเยอร์ ชิลด์ เวธเธอการ์ด และสีตระกูลเบเยอร์ชิลด์ทุกชนิด ซึ่งเป็น สุดยอดนวัตกรรมสีที่รวมเอาเทคโนโลยีขั้นสูงเข้าไว้ด้วยกัน เราจึงกล้ารับประกันคุณภาพสีทนทานนาน 10 ปี โดยเบเยอร์เป็นบริษัทผลิตสีรายแรกที่กล้าให้การรับประกันดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการตอบแทน ความไว้วางใจที่ลูกค้าทุกท่านมีให้กับเราตลอดมาอย่างต่อเนื่องกว่า 50 ปี” นายวรวัฒน์ กล่าวเสริม
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2553 บริษัทฯ จะรุกตลาดสีทาอาคารภายใต้แนวคิดอีโค สมาร์ท หรือนวัตกรรมใหม่ที่ให้ความสำคัญและใส่ใจสิ่งแวดล้อม ทั้งในเรื่องคุณสมบัติของกลิ่นที่ไม่ทำลายโอโซน และการใช้สารระเหยที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคน้อยลง ขณะเดียวกันก็มุ่งตอกย้ำผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติ ในการสะท้อนความร้อนที่สามารถพิสูจน์ได้จริง ภายใต้แบรนด์เบเยอร์ คูล ซึ่งมีความโดดเด่น และเป็นที่จดจำของผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น ภายในระยะเวลา 5 ปี หรือในปี 2558 บริษัทฯ วางเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อมให้มากกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนโยบายหลักของบริษัทที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2553 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายที่จะเติบโต ประมาณ 15% หรือมียอดขายอยู่ที่ประมาณ 2,800 ล้านบาท และเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ บริษัทฯ ได้จัดสรรงบการตลาดไว้ประมาณ 400 ล้านบาท บริษัทฯ จะเน้นกลยุทธ์หลัก เช่น Sport Marketing เพื่อสร้างการรับรู้และจดจำในแบรนด์เบเยอร์ โดยร่วมเป็นผู้สนับสนุนฟุตบอลโลก 2010 FIFA World Cup? ณ ประเทศแอฟริกาใต้ Experiential Marketing เพื่อสร้างประสบการณ์ความคุ้นเคย และความรู้ความเข้าใจในคุณสมบัติและการใช้งานของสีแต่ละชนิดกับกลุ่มเป้าหมายผ่านการจัดกิจกรรมกับดีลเลอร์ทั่วประเทศ รวมถึงเน้นเรื่องการบริหารความสัมพันธ์ในทุกกลุ่มลูกค้าเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทและลูกค้า
นอกจากนี้เพื่อสร้างความมั่นใจในคุณภาพของสีเบเยอร์ ชิลด์ แก่ผู้บริโภค บริษัท เบเยอร์ ได้ออกแคมเปญ “10 Years Warranty” เพื่อรับประกันคุณภาพสีเบเยอร์ ชิลด์ อย่างเป็นทางการเป็นรายแรก