พลัสฯ รุกธุรกิจบริหารจัดการทรัพยากรอาคาร ชูมาตรฐานการบริการระดับสากล

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เดินหน้าธุรกิจบริหารจัดการทรัพยากรอาคารต่อเนื่อง ชูกลยุทธ์บริการมาตรฐานระดับสากล ล่าสุดได้รับความไว้วางใจจาก 2 อาคารดังย่านใจกลางเมืองให้บริหารจัดการอาคาร ได้แก่ อาคารมหาจักรีสิรินธร และ Style by Toyota คาดสิ้นปีรับบริหารจัดการโครงการเพิ่ม 10 โครงการ คิดเป็นอัตราเติบโต 30 %

นายชาญ ศิริรัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิศวกรรม และฝ่ายบริหารอาคาร-สำนักงานบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า  ปัจจุบัน บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด นับเป็นบริษัทอันดับหนึ่งด้านธุรกิจบริหารโครงการของเมืองไทย ที่รับบริหารจัดการโครงการต่าง ๆ มากที่สุดในประเทศ โดยมีจำนวนโครงการที่รับบริหารทั้งสิ้น 160 โครงการ บนพื้นที่กว่า 5 ล้านตารางเมตร แบ่งเป็นโครงการประเภทที่พักอาศัย จำนวน 120 โครงการ และโครงการประเภทอาคารทางธุรกิจ (Commercial) จำนวน 40 โครงการ โดยทิศทางธุรกิจบริหารจัดการทรัพยากรอาคาร ในปี 2553 นี้ บริษัทจะเน้นกลยุทธ์การบริหารและจัดการในระดับสากล เพื่อตอบสนองความต้องการเจ้าของอาคารและผู้ใช้อาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด

ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัท ได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของอาคารที่มีชื่อเสียงให้เข้าไปบริหารจัดการอาคารเพิ่มอีก 2 อาคาร ได้แก่ อาคารมหาจักรีสิรินธร ซึ่งเป็นอาคารเรียนในคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเป็นอาคารใหม่ที่ได้เริ่มเปิดใช้ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ที่ผ่านมา ภายในอาคารประกอบด้วย ศูนย์ภาษาสิรินธรและโรงละครขนาด 200 ที่นั่งสำหรับจัดการแสดงต่างๆ ห้องสมุดขนาดใหญ่กินพื้นที่กว่า 1500 ตารางเมตร และ ห้องประชุมซึ่งสามารถรับรองการประชุมระดับสากลได้ถึง 300 ที่นั่ง ส่วนอีกหนึ่งโครงการ ได้แก่ อาคาร Style by Toyota ใจกลางสยามสแควร์ ซึ่งเป็นอาคาร Edutainment แห่งแรกของเมืองไทย รวมทั้งเป็น 1 ใน 2 แห่งของโลก ที่โตโยต้าสร้างขึ้นเพื่อจัดแสดงนวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเป็นศูนย์กลางอีกแห่งหนึ่งของวัยรุ่นไทย บนพื้นที่ 3,000 ตารางเมตร ที่รองรับการจัดกิจกรรมต่างๆ อาทิ คอนเสิร์ต รายการทีวี และอุปกรณ์ด้านเทคโนโลยีต่างๆ ที่ทันสมัยและมีความสลับซับซ้อน ดังนั้นทางโครงการจึงต้องใช้ทีมบุคลากรที่มีความชำนาญเป็นผู้ดูแลอาคาร โดยทั้ง 2 โครงการ นับเป็นโครงการที่ตั้งอยู่ บนทำเลที่มีศักยภาพรวมทั้งเป็นอาคารที่มีผู้เข้าใช้อย่างต่อเนื่อง

“จากประสบการณ์ที่ยาวนานประกอบกับความไว้วางใจให้เข้าบริหารจัดการอาคารจากเจ้าของอาคารต่างๆ ที่มีอย่างต่อเนื่อง คาดว่าภายในสิ้นปีนี้ บริษัทจะสามารถรับบริหารจัดการอาคารเพิ่มขึ้นอีก 10 อาคาร หรือคิดเป็นอัตราเติบโต 30 % รวมทั้งมั่นใจว่าสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำด้านบริหารจัดการโครงการมากสุดเป็นอันดับ 1 ของเมืองไทยอย่างแน่นอน นอกจากนี้ พลัส ยังได้ตอกย้ำถึงความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการทรัพยากรอาคารตามมาตรฐานสากล ด้วยการจัดทำหนังสือคู่มือ FM Service Quality ที่เขียนจากประสบการณ์ในด้านการบริหารจัดการโครงการที่ยาวนานกว่า 10 ปี   โดยทีมบุคลากรที่ผ่านการอบรมในงานด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหนังสือเล่มนี้ได้จัดจำหน่ายผ่านทางศูนย์หนังสือจุฬา ซึ่งผู้สนใจทั่วไปหรือองค์กร และสถาบันต่างๆ สามารถนำความรู้ภายในเล่มไปปรับใช้ได้จริงในการดำเนินงานของตนเองอีกด้วย” นายชาญ กล่าว

สำหรับแนวโน้มธุรกิจบริหารจัดการทรัพยากรอาคาร ในปี 2010 คาดว่าจะมีอาคารที่สร้างเสร็จใหม่และต้องการผู้ประกอบการที่เชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการอาคารเข้าไปดูแลเพิ่มมากขึ้น ในส่วนของอาคารเก่าที่เดิมเจ้าของอาคารบริหารจัดการอาคารเองอยู่แล้ว มีแนวโน้มที่จะว่าจ้างผู้ประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญเข้าไปบริหารจัดการอาคารให้เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้เนื่องจากมีประสบการณ์และความเป็นมืออาชีพ สามารถดูแลอาคารได้อย่างทั่วถึงด้วยระบบการทำงานที่มีคุณภาพ อีกทั้งยังเข้าไปช่วยแนะนำ วางแผนการดำเนินงานด้านการบริหารอาคารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย นายชาญ กล่าวปิดท้าย