“ซันโย” วางจุดยืนผู้นำธุรกิจพลังงานโลก ภายในปี 2555

ซันโย อิเล็กทริก จำกัด จัดงานแถลงข่าวอย่างยิ่งใหญ่ รับการเปิดตัว รีสอร์ท เวิลด์ เซนโตซ่า ประเทศสิงคโปร์ อย่างเป็นทางการ เผยแผนธุรกิจ พุ่งเป้าภายในปี 2555 ขึ้นแท่นผู้นำระดับโลกกลุ่มธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ ประกาศชัดปีนี้นำแผงโซล่าเซลล์รุกตลาดไทยแน่

มร.โยชิโนริ นากาตานิ รองประธานและเจ้าหน้าที่บริหารภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก บริษัทซันโย อิเล็กทริค จำกัด ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ซันโยกำลังเริ่มขยายธุรกิจพลังแสงอาทิตย์ในประเทศสิงคโปร์ และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อเป็นส่วนหนึ่งรณรงค์สังคมใช้พลังงานบริสุทธิ์ โดยล่าสุดระบบพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว ณ สตูดิโอยูนิเวอร์แซล ซึ่งนับว่าเป็นผลงานชิ้นเอกทางเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม

โดยในปีนี้ซันโยเตรียมนำแผงโซลาร์เซลล์เข้าสู่ตลาดประเทศมาเลเซีย อินเดีย และประเทศไทยเป็นครั้งแรก ตลอดจนมีแผนเริ่มจำหน่ายโคมไฟแอลอีดี (LED) พลังแสงอาทิตย์ที่ประเทศอินเดียช่วงเดือนกรกฎาคม 2553 นี้อีกด้วย

“กลุ่มธุรกิจพลังงานเป็นหัวหอกสำคัญของบริษัทในปีนี้ โดยเฉพาะการโฟกัสตลาดในประเทศไทย ด้วยการนำระบบประหยัดพลังงาน SES (Smart Energy System) ติดตั้งยังร้านสะดวกซื้อ ซึ่งระบบดังกล่าวครอบคลุมผลิตภัณฑ์แบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น กล้องวงจรปิด เครื่องปรับอากาศ และตู้แช่เครื่องดื่มของซันโย” มร.นากาตานิ กล่าว

มร.นากาตานิ กล่าวเพิ่มเติมว่า “การก้าวเป็นผู้นำระดับโลกด้านธุรกิจพลังงานและสิ่งแวดล้อม เกิดจากที่ซันโยเล็งเห็นว่าสังคมโลกกำลังเผชิญกับภัยธรรมชาติและปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างกว้างขวาง จึงให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือผู้บริโภคใช้สินค้าที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยวางเป้าหมายขึ้นเป็นผู้นำธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ ภายในสิ้นปี 2555 โดยตลาดภูมิภาคเอเชีย อินเดีย ตะวันออกกลาง และ โอเชียเนีย นับเป็นตลาดสำคัญ” มร.นากาตานิ กล่าว

ด้าน มร. สึโตมุ โมริโมโตะ ประธานกรรมการ บริษัท ซันโย (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “ในส่วนของซันโย (ไทยแลนด์) ปีนี้ตั้งเป้าผลประกอบการไว้ที่ 3.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่มูลค่า 2.7 พันล้านบาท โดยรายได้หลักมาจาก 3 กลุ่มสินค้า ประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจไอที (รวมสินค้ากล้องวงจรปิด) กลุ่มธุรกิจตู้แช่เย็น – แช่แข็ง (Cold Chain) และกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ที่กำลังจะเข้ามาทำตลาด ได้แก่ กลุ่มธุรกิจพลังงานและสิ่งแวดล้อม เพราะมองว่าเป็นปัญหาระดับโลก ซึ่งทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และสังคม ควรร่วมมือกันแก้ไขสถานการณ์อย่างจริงจัง สำหรับเป้าหมายลูกค้าจะเป็นลักษณะธุรกิจแบบ B2B ก่อน”