นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า จากการที่ธนาคารกสิกรไทย ได้ร่วมกับบริษัท เวิร์คพอยท์ เอนเทอร์เทนเมนท์ นำเสนอ “รายการ SME ตีแตก” ออกอากาศทุกวันศุกร์ เวลา 23.05 น. ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อสนับสนุนเอสเอ็มอีที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจ รวมถึงบุคคลทั่วไปให้มีแรงบันดาลใจและแนวทางการทำธุรกิจให้สามารถเริ่มต้นและเติบโตได้อย่างยั่งยืน พร้อมทั้งให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบการที่มาร่วมแข่งขันในมุมที่เป็นประโยชน์ในการนำไปปรับปรุงและพัฒนาธุรกิจของตนเอง โดยเน้นให้สามารถนำไปปรับใช้ได้อย่างแท้จริง
ทั้งนี้ รายการ SME ตีแตก มีส่วนสำคัญในการเป็นจุดริ่มต้นทำให้ผู้ประกอบการไว้วางใจฝากธุรกิจไว้กับธนาคาร ซึ่งนับว่ารายการดังกล่าวประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีใน 2 ด้าน คือ
ด้านเรตติ้ง เพื่อวัดความนิยมของรายการ ธนาคารตั้งเป้าหมายผู้ชมไว้ประมาณ 1 ล้านคน ณ สิ้นปี 2553 ซึ่งค่าเฉลี่ยผู้ชมในช่วงแรกมีผู้ชมอยู่ที่ประมาณตอนละ 650,000 คน ถือว่าเป็นตัวเลขเรตติ้งที่ค่อนข้างสูงสำหรับรายการรูปแบบใหม่ที่เป็น Edutainment ในลักษณะการให้ความรู้ควบคู่ไปกับความบันเทิงในการทำธุรกิจและการประกอบอาชีพที่น่าสนใจ โดยตอนที่มีผู้ชมรายการสูงสุด คือ ตอนธุรกิจปิ้งย่าง Sumi Sumi มีผู้ชมมากที่สุดถึงประมาณ 840,000 คน แต่ที่สำคัญที่สุดคือ รายการเอสเอ็มอีตีแตกสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ประกอบการที่เพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจ อายุระหว่าง 30-45 ปี โดยให้ความสนใจในการชมรายการมากที่สุด
ด้านธุรกิจ หลังจากมีการออกอากาศรายการเอสเอ็มอี ตีแตกแล้ว ทำให้มีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ K-SME Start-up Solutions มากขึ้น จากเป้าหมายจำนวนสมาชิกเข้าร่วมโครงการ K-SME Start-up Solutions จะต้องมีสมาชิก 30,000 ราย ในสิ้นปี 2553 ปรากฏว่าในครึ่งปีแรกมีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการแล้วถึง 20,616 ราย สอดคล้องกับจำนวนการขอสินเชื่อเพื่อธุรกิจเริ่มต้น ที่มีจำนวนสูงถึง 937 ราย มีผู้ขอสินเชื่อวงเงิน 275 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปี 52 ที่ยังไม่ได้ร่วมทำรายการ SME ตีแตก มีจำนวนการขอสินเชื่อเพียง 500 ราย วงเงิน 150 ล้านบาท
นายปกรณ์ กล่าวในตอนท้ายว่า สำหรับครึ่งปีหลังของปี 2553 นี้ รายการ SME ตีแตก วางแผนที่จะให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในต่างจังหวัดได้มีส่วนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในรายการ โดยจะเริ่มออกไปจัดทำรายการในต่างจังหวัดเพื่อเจาะลึกถึงแนวทางการทำธุรกิจที่น่าสนใจของนักธุรกิจในภูมิภาค โดยจะเริ่มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นภาคแรกก่อนจะเวียนไปภาคอื่น ๆ ทั้งนี้ จะเริ่มออกอากาศเทปแรกในช่วงต้นเดือนสิงหาคม ซึ่งผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่สนใจเข้าร่วมแข่งขันในรายการสามารถสมัครได้ที่ www.smeteetak.com หรือ โทร. 0 2833 2404 ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ด้านนายปัญญา นิรันดร์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า รายการ SME ตีแตก ถือเป็นบทพิสูจน์แห่งความสำเร็จของธนาคารกสิกรไทยและเวิร์คพอยท์ ที่สร้างสรรค์รายการจนสามารถครองใจผู้ชมทั่วประเทศส่งผลให้รายการได้กระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยม ทั้งในด้านความนิยมและเรตติ้งที่พุ่งสูงจนฉุดไม่อยู่ ด้วยเนื้อหาของรายการที่มุ่งสร้างสรรค์ไอเดียทางธุรกิจให้ทั้งความรู้และความบันเทิงเต็มรูปแบบ ดังนั้นเพื่อเป็นการตอกย้ำกระแสความแรงแบบฉุดไม่อยู่ รายการ SME ตีแตก จึงพัฒนารูปแบบรายการให้เข้าถึงประชาชนทั่วทุกภาคด้วยการยกรายการลงพื้นที่ไปยังจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อเข้าถึงแหล่งผลิตธุรกิจเอ็สเอ็มอีในแต่ละจังหวัดที่มีแนวคิดและการตลาดที่น่าสนใจส่งผลให้ยอดขายของแต่ละธุรกิจมีรายได้มหาศาล ซึ่งประชาชนที่อยู่ในพื้นที่และผู้ชมทางบ้านที่รับชมรายการจะได้เห็นถึงแหล่งผลิต ขั้นตอนการผลิต และกลยุทธ์เด็ดทางการตลาดแบบใกล้ชิด
โดยเทปแรกประเดิมถ่ายทำที่ จ.อุดรธานี เป็นจังหวัดแรก กับธุรกิจขึ้นชื่ออย่าง “เด่นซาลาเปา” และ “บ้านจิกสปา”นำทีมลงพื้นที่โดยพิธีกรรายการ คุณปัญญา นิรันดร์กุลและคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ อาทิ อาจารย์ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัยและคุณทวี ธีระสุนทรวงศ์ ซึ่งการลงพื้นที่เพื่อบันทึกเทปครั้งแรกได้รับการตอบรับจากชาวจังหวัดอุดรธานีและพื้นที่ใกล้เคียงเป็นอย่างดี ส่วนเนื้อหารายการนั้นเข้มข้นตั้งแต่ต้นจนจบรายการ โดยจะออกอากาศเทปแรกอุดรธานีนี้ในคืนวันศุกร์ที่ 6 ส.ค.เวลา 23.05น. ทางช่อง 5
รายการ SME ตีแตก เริ่มออกอากาศครั้งแรกในเดือนกุมพันธ์ 2553 กับการนำเสนอธุรกิจขนมปังขวัญใจวัยรุ่นที่กำลังมาแรงอย่าง “ปัง เว้ย..เฮ๊ย!!” ซึ่งเพียงชั่วข้ามคืนหลังจากออกอากาศ ปัง เว๊ย..เฮ๊ย!! กลายเป็น ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ส่งผลให้ยอดขายถล่มทลายสร้างรายได้อย่างงดงามให้กับเจ้าของธุรกิจ ตามมาด้วยธุรกิจอื่น ๆ อีกมากมายที่ทั้งตีโจทย์ในรายการทั้งแตกและไม่แตก ต่างก็ประสบความสำเร็จเพียงชั่วข้ามคืนด้วยกันทั้งสิ้น จึงนับว่ารายการ SME ตีแตก เป็นรายการที่ให้ประโยชน์สำหรับผู้ที่ธุรกิจอยู่แล้ว หรือผู้ที่กำลังจะเริ่มทำธุรกิจ โดยสามารถนำความรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์ทางการตลาดไปใช้บริหารงานให้ประสบผลสำเร็จอย่างแท้จริงสมกับสโลแกนเด็ดของรายการที่ว่า “คิดจะเป็น SME ต้องตีโจทย์ให้แตก”
