อำพลฟูดส์-มูลนิธิรามาธิบดีฯ ลงนามร่วมมือโครงการวี-ฟิท อิ่มใจให้ชีวิต

บริษัท อำพลฟูดส์ โพรเซสซิ่ง จำกัด โดยนายเกรียงศักดิ์ เทพผดุงพร กรรมการผู้จัดการ ได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือกับ ศาสตราจารย์รัชตะ รัชตะนาวิน ประธานคณะกรรมการบริหาร มูลนิธิรามาธิบดี ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการดำเนินโครงการ วี-ฟิท อิ่มใจให้ชีวิต พร้อมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาเชิญชวนให้คนไทยได้ร่วมโครงการฯ และอุดหนุนผลิตภัณฑ์น้ำนมข้าวกล้อง วี-ฟิท โดยบริษัทอำพลฟูดส์ฯ จะแบ่งกำไรจากการจำหน่ายน้ำนมข้าวกล้อง วี-ฟิท ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม- 31 ธันวาคม พ.ศ. 2553 กล่องละ 50 สตางค์ สมทบทุนในการซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ ในโครงการอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์

ศาสตราจารย์รัชตะ รัชตะนาวิน ประธานคณะกรรมการบริหาร มูลนิธิรามาธิบดีฯ กล่าวว่า ปัจจุบันอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ ได้ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว และกำลังอยู่ในขั้นตอนการจัดซื้อและเริ่มติดตั้งเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งยังขาดงบประมาณในการจัดซื้ออีกกว่า 800 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการบางส่วนให้แก่ประชาชน ในต้นปี 2554

“อาคารแห่งนี้จะเป็นศูนย์การรักษาโรคซับซ้อนที่มีมาตรฐานในระดับภูมิภาคเอเชีย และยังเป็นสถานที่ฝึกการเรียนการสอนสำหรับแพทย์และพยาบาล เพื่อผลิตบุคคลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในทุกสาขา อีกทั้งเป็นแหล่งข้อมูลในการค้นคว้าวิจัย เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศ อาคารแห่งนี้เมื่อเปิดใช้บริการจะสามารถรองรับผู้ป่วยได้ปีละประมาณ 1.2 ล้านคน ซึ่งเชื่อว่า กิจกรรมการตลาดเพื่อสังคม ภายใต้โครงการ
วี-ฟิท อิ่มใจให้ชีวิต ที่ทางบริษัทอำพลฟูดส์ฯ ได้ริเริ่มขึ้น โดยได้มีการลงทุนทำภาพยนตร์โฆษณาเพื่อสื่อสารความจำเป็นและความต้องการความช่วยเหลือจากสังคมไทยนี้ออกไป จะเป็นเสมือนการส่งต่อการให้…ที่ไม่สิ้นสุด ซึ่งก็เชื่อว่าจะทำให้ประชาชนทั่วประเทศที่ได้รับทราบปัญหาจะให้ความสนใจ และมีส่วนร่วมช่วยเหลือ และสนับสนุนให้อาคารทางการแพทย์แห่งนี้ เปิดบริการผู้ป่วยได้อย่างสมบูรณ์ อันหมายถึงการต่อชีวิตให้ผู้ป่วยได้อีกหลายล้านคน”

ด้านนายเกรียงศักดิ์ เทพผดุงพร กล่าวว่า โครงการวี-ฟิท อิ่มใจให้ชีวิต ที่บริษัทได้ริเริ่มทำขึ้นนี้มุ่งเน้นสร้างความร่วมมือในการทำความดีให้สังคมมากกว่าจะเป็นวัตถุประสงค์ทางการตลาด ซึ่งโดยส่วนตนเห็นว่า การจัดหาเครื่องมือแพทย์เพื่อให้บริการรักษาด้านสุขภาพกับประชาชนนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะหากปราศจากเครื่องมือแพทย์ คนป่วยก็คงจะไม่มีโอกาสหาย หรืออาจจะเสียชีวิต หรือพิการไป ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายถ้าเราไม่ได้ช่วยกัน
“ความร่วมมือกัน ของคนในสังคมนั้นมีความหมาย บางคนอาจจะมองว่า กำไร 50 สตางค์ต่อกล่องที่หักมาบริจาคดูเหมือนจะเป็นเงินน้อยนิด แต่เราต้องไม่ลืมว่าเงินน้อยๆ จากความร่วมมือจำนวนมากนั้น สามารถสร้างความยิ่งใหญ่ได้ ถามว่าแล้วบริษัทได้อะไรจากโครงการ คำตอบอยู่ที่ความภาคภูมิใจครับ เป็นความภูมิใจที่เราได้ทำอะไรให้กับสังคม”

นายเกรียงศักดิ์ กล่าวถึงเหตุผลที่เลือกผลิตภัณฑ์น้ำนมข้าวกล้องวี -ฟิท มาทำแคมเปญนี้ว่า เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ มีคุณค่าทางโภชนาการครบ อุดมไปด้วยวิตามินเอ บี1 บี12 แคลเซียม และมีไฟเบอร์สูง โดยบริษัทได้ผลิตออกมาจำหน่าย 3 รสชาติ คือ รสหวาน สูตรไม่เติมน้ำตาล และข้าวกล้องงอก 7 ชนิด ซึ่งประชาชนที่ต้องการมีส่วนร่วมในโครงการสามารถซื้อได้ตามร้านค้าสะดวกซื้อและซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป

สำหรับภาพยนตร์โฆษณาของโครงการ ใช้ชื่อชุดว่า อิ่มใจให้ชีวิต ความยาว 30 วินาที นำเสนอคุณค่าของความร่วมมือในโครงการ อันจะมีส่วนทำให้ผู้ป่วยทุกเพศวัยที่มาใช้บริการรักษาที่โรงพยาบาลมีความหวัง และรอยยิ้ม เพราะมีเครื่องมือที่ทันสมัยในการตรวจรักษา ทำให้หายจากการเจ็บป่วยในที่สุด ซึ่งภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้มีกำหนดเริ่มเผยแพร่ออกอากาศ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม -31 ธันวาคม 2553

บริษัท อำพลฟูดส์ โพรเซสซิ่ง จำกัด เป็นหนึ่งในผู้นำนวัตกรรมด้านอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ โดยผลิตภัณฑ์ที่สร้างชื่อเสียงให้บริษัทคือ กะทิชาวเกาะ น้ำแกงพร้อมปรุงรอยไทย และน้ำนมข้าวกล้อง วี-ฟิท ขณะที่กิจกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ได้รับความร่วมมือจากประชาชนอย่างสูงคือ การรีไซเคิลกล่องยูเอชทีเป็นชุดโต๊ะนักเรียน ภายใต้ “โครงการกล่องวิเศษ” ทั้งนี้ตลอดระยะเวลากว่า 22 ปี ของการก่อตั้ง บริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงการพัฒนาสังคม สิ่งแวดล้อม ไปพร้อมๆกับการพัฒนานวัตกรรมทางธุรกิจ เพื่อการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและสังคมอย่างสมดุล