มูลนิธิซิเมนต์ไทย เปิดรับสมัคร Young Thai Artist Award 2010

มูลนิธิซิเมนต์ไทย เชิญชวนเยาวชนร่วมโครงการ “รางวัลศิลปะเพื่อเยาวชนไทย ครั้งที่ 6” หรือ Young Thai Artist Award 2010 เวทีประกวดผลงานศิลปะระดับเยาวชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เฟ้นหาศิลปินไทยรุ่นใหม่ สร้างสรรค์ผลงานศิลปะใน 6 สาขา ชิงเงินรางวัลกว่า 2 ล้านบาท พร้อมทัศนศึกษาต่างประเทศ เปิดรับสมัครแล้ว กำหนดรับผลงานเดือนตุลาคม (ระยะเวลาตามที่แต่ละสาขากำหนด) สอบถามเพิ่มเติม โทร 0 2586 5214 หรือ www.scgfoundation.org

นางสาวสุรนุช ธงศิลา กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิซิเมนต์ไทย (SCG Foundation) เปิดเผยว่า มูลนิธิซิเมนต์ไทยมุ่งส่งเสริมกิจกรรมเพื่อเยาวชนอย่างต่อเนื่อง และเล็งเห็นว่าปัจจุบันมีเยาวชนจำนวนมากที่มีความสามารถทางศิลปะ แต่ยังขาดเวทีแสดงความสามารถและพรสวรรค์ จึงได้จัดโครงการ Young Thai Artist Award 2010 ขึ้นเป็นปีที่ 6 เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนรุ่นใหม่ได้แสดงออกถึงศักยภาพอันโดดเด่นในงานศิลปะสาขาต่างๆ และสร้างโอกาสที่จะก้าวสู่ระดับสากลต่อไป ขณะเดียวกันก็เป็นการกระตุ้นให้สังคมเกิดความชื่นชม และซาบซึ้งในคุณค่าของงานศิลปะมากขึ้นด้วย

“โครงการ Young Thai Artist Award 2010 จัดประกวดผลงานศิลปะ 6 สาขา ประกอบด้วย ศิลปะ 2 มิติ ศิลปะ 3 มิติ ภาพถ่าย ภาพยนตร์ วรรณกรรม และการประพันธ์ดนตรี โดยได้รับความร่วมมือจากสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศที่เปิดสอนด้านศิลปะ ได้แก่ มหาวิทยาลัยศิลปากร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมหิดล นับว่าเป็นเวทีการประกวดที่มีมาตรฐานการคัดเลือกผลงานที่สูงมาก มีความขลัง และทรงเกียรติ โดยคณะกรรมการคัดเลือก ประกอบด้วยศิลปินแห่งชาติ ศิลปินชั้นเยี่ยม และผู้ทรงคุณวุฒิ กว่า 20 ท่าน” นางสาวสุรนุช กล่าว

เจ้าของผลงานชนะเลิศการประกวดแต่ละสาขาจะได้รับเงินรางวัล 150,000 บาท พร้อมโอกาสทัศนศึกษาต่างประเทศ ส่วนผู้ที่มีผลงานดีเด่นจะได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท รวมมูลค่ารางวัล 2.4 ล้านบาท น้องๆ เยาวชนที่มีใจรักศิลปะ สมัครได้ตั้งแต่วันนี้ กำหนดรับผลงานช่วงเดือนตุลาคม (ระยะเวลาตามที่แต่ละสาขากำหนด) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.scgfoundation.org หรือโทร 0 2586 5214, 0 2586 5506

มูลนิธิซิเมนต์ไทย ตระหนักถึงความรับผิดชอบและการมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สังคม จึงมุ่งมั่นส่งเสริมโครงการและกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมอย่างต่อเนื่องมาตลอด โดยได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา ความสามารถพิเศษเฉพาะด้าน รวมไปถึงการปลูกฝังจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคมควบคู่กัน ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ละเลยการให้ความช่วยเหลือสังคมในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนต่างๆ ด้วย