กรมส่งเสริมการส่งออก ปลื้มมูลค่าการส่งออกเฟอร์นิเจอร์ในปี 2553 ทะลุเป้าที่ตั้งไว้ สามารถส่งออกได้ถึง 1,172.85 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากที่ตั้งเป้าไว้ 1,122 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เดินหน้ารุกตลาดต่อ ประเดิมด้วยงานใหญ่ระดับชาติ “TIFF 2011” ที่ตั้งเป้าว่าจะมีผู้ร่วมชมงานถึง 34,000 คน และจะมีการซื้อขายเกือบ 2,000 ล้านบาท โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-20 มีนาคม 2554 ที่ไบเทค บางนา
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า ปี 2553 เป็นปีที่อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนประสบความสำเร็จอีกปีหนึ่ง เพราะการส่งออกมีมูลค่าถึง 1,172.85 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เติบโตขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 17.05 และยังนับว่าทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1,122 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมูลค่าการส่งออกเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.6 ของมูลค่าการส่งออกรวมของประเทศไทย โดยประเทศที่มีการนำเข้าเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนจากไทยมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ สหรัฐอเมริกา มูลค่า 272.06 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.07 ญี่ปุ่น มูลค่า 220.74 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.43 และสหราชอาณาจักร มูลค่า 111.33 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงขึ้นร้อยละ 3.56 ส่วนตลาดที่มีอัตราการขยายตัวสูง ได้แก่ อินโดนีเซีย ร้อยละ 106.47 เกาหลีใต้ ร้อยละ 78.71 จีน ร้อยละ 72.97 ฝรั่งเศส ร้อยละ 63.41 ไต้หวัน ร้อยละ 61.55 แอฟริกาใต้ ร้อยละ 52.17 และอินเดีย ร้อยละ 51.18
“ปีที่ผ่านมา ภาวะเศรษฐกิจโลกมีการฟื้นตัว ทำให้มูลค่าการส่งออกสินค้าเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนของไทยขยายตัวมากขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกเดือน การส่งออกเฟอร์นิเจอร์ไทยไปตลาดต่างประเทศ 20 อันดับแรกเกือบทุกประเทศ มีอัตราการขยายตัวที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการส่งออกในช่วงเวลาเดียวกันปี 2552 ยกเว้นอังกฤษ เยอรมนี และอิตาลี ที่มีอัตราการขยายตัวลดลงร้อยละ 3.56, 0.5 และ 8.36 ตามลำดับ” นางนันทวัลย์ กล่าว
สำหรับสถานการณ์การส่งออกเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนในปี 2554 นี้ กรมส่งเสริมการส่งออกตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มการส่งออกร้อยละ10 จากปี 2553 หรือคิดเป็น 1,290 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยใช้กลยุทธ์ที่สำคัญ 7 ประการ คือ 1) สร้างภาพลักษณ์ในการเป็นศูนย์กลางตลาดส่งออกสินค้าเฟอร์นิเจอร์ของไทยในเอเชียผ่านงานTIFF 2) สร้างความแตกต่างของสินค้า Niche Market โดยเน้นคุณภาพ ความประณีต รูปแบบที่โดดเด่น สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าต่างประเทศ 3) เน้นกิจกรรมเจาะตลาดที่มีศักยภาพ เช่น รัสเซีย อินเดีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดิอาระเบีย 4) หาวัตถุดิบไม้ในต่างประเทศที่ถูกกว่าและใช้ทดแทนไม้ในประเทศเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ 5) จัดตั้งสถาบันไม้ยางพาราแห่งประเทศไทยเพื่อบริหารจัดการเรื่องไม้ยางพาราทั้งระบบ 6) พัฒนาตราสินค้าไทยให้เป็นที่รู้จักในตลาดโลกแทนการรับจ้างผลิต 7) ใช้ประโยชน์จากการเปิดตลาดการค้าเสรี กับประเทศ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
นางนันทวัลย์ กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานแสดงสินค้าเฟอร์นิเจอร์ หรือ TIFF ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญในการส่งออก ว่า งาน TIFF เป็นงานเฟอร์นเจอร์ระดับชาติ ที่ร่วมกันจัดระหว่างกรมส่งเสริมการส่งออก กลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องเรือนไทย โดย TIFF 2011 จะจัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ Finding Green Piece ระหว่างวันที่ 16-20 มีนาคมนี้ ที่ไบเทค บางนา ซึ่งนอกจากผู้ร่วมงานจะได้ชมและเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ฝีมือคนไทยที่มีดีไซน์แล้ว งานนี้ยังเป็นงานที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการแสดงศักยภาพและไอเดียการสร้างสรรค์เฟอร์นิเจอร์คอลเล็คชั่นใหม่ล่าสุด คอลเล็คชั่นใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ให้ผู้ที่มาร่วมงานได้ชม
“TIFF ได้รับการยอมรับว่าเป็นงานแสดงเฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์และสวยที่สุดของไทย ซึ่งเป็นการรวบรวมผู้ประกอบการไทยและจากประเทศในกลุ่มอาเซียนมาร่วมแสดงสินค้ารวมกว่า 220 บริษัท 900 คูหา โดยตั้งเป้าหมายว่าจะมีผู้เดินทางมาจากนานาประเทศมาชมและซื้อสินค้าในงานกว่า 34,000 คน จากประเทศญี่ปุ่น อเมริกา สหภาพยุโรป อินเดีย จีน ตะวันออกกลาง แอฟริกา แคนาดา ออสเตรเลีย และกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งจะมีทั้งผู้ซื้อ ผู้นำเข้า นักธุรกิจในวงการเฟอร์นิเจอร์ เจ้าหน้าที่แผนกจัดซื้อในธุรกิจบ้านจัดสรร โรงแรม และรีสอร์ต โดยคาดการณ์ว่างาน TIFF 2011 จะคึกคักและมียอดขายเกือบ 2,000 ล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจและสถานการณ์การเมืองมีทิศทางที่ดีขึ้น” นางนันทวัลย์ กล่าว