“คณะกรรมการส่งเสริมการส่งออกลูกเกดแคลิฟอร์เนีย” รุกสร้างการรับรู้ในหมู่ผู้บริโภคชาวไทย

“คณะกรรมการส่งเสริมการส่งออกลูกเกดแคลิฟอร์เนีย” ลุยตลาดลูกเกดในไทย สร้างการรับรู้ถึงคุณประโยชน์ของลูกเกดแคลิฟอร์เนียในกลุ่มผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการเบเกอรี่ หลังโตแบบก้าวกระโดดจากปี 2009 กว่า 733 ตัน โตพรวด 1,265 ตันในปี 2011 พร้อมกินแชร์ตลาดลูกเกดแล้วกว่า 74 % หลังส่งเสริมการบริโภคลูกเกดแคลิฟอร์เนียกับผู้บริโภคโดยตรง เตรียมจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย และทำ Co Promotion ร่วมกับผู้ประกอบการมากขึ้นต่อเนื่องตลอดปี หวังโตเพิ่มอีก 20 %

มิสเตอร์ ริชาร์ด ลิว ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการค้า “คณะกรรมการส่งเสริมการส่งออกลูกเกดแคลิฟอร์เนีย” (Raisin Administrative Committee : RAC) เป็นตัวแทนในการทำตลาดลูกเกดแคลิฟอร์เนียในประเทศไทย เผยว่า คณะกรรมการฯ RAC เป็นองค์กรไม่หวังผลกำไรที่ทำหน้าที่ส่งเสริมการบริโภคลูกเกดแคลิฟอร์เนียให้แพร่หลายทั่วโลก ผ่านการจัดกิจกรรมการตลาดและส่งเสริมการขายในหลายประเทศทั่วโลก โดยมีสำนักงานประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งปัจจุบัน สหรัฐอเมริกาครองตำแหน่งผู้ส่งออกลูกเกดอันดับหนึ่งของโลก โดยรัฐแคลิฟอร์เนียเป็นรัฐที่ผลิตลูกเกดมากที่สุด ที่มีผลิตเฉลี่ย 350,000 ตันต่อปี หรือคิดเป็น 50 % ของผลิตลูกเกดทั่วโลก

ลูกเกดที่ได้ชื่อว่ามีคุณภาพที่ดีที่สุดคือลูกเกดจากแคลิฟอร์เนีย เพราะผ่านกรรมวิธีการผลิตที่ทันสมัย มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดตามมาตรฐานอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา จึงมั่นใจว่าถูกสุขอนามัยและมีคุณภาพเป็นเยี่ยม  จึงได้รับความนิยมสูง โดยเป็นได้ทั้งของว่างระหว่างวันและนำมาประกอบอาหารเพื่อเพิ่มคุณค่าและรสชาติ

ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยรับรู้ถึงคุณประโยชน์ของลูกเกดต่อสุขภาพ และไม่ตระหนักว่าลูกเกดสามารถนำไปใช้ประกอบอาหารได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย อาหารจานหลัก หรือของหวาน โดยในเชิงคุณค่าทางโภชนาการ นอกจากลูกเกดจะมีโซเดียมต่ำ ไม่มีคอเรสเตอรอลและไขมันแล้ว ยังมี

ใยอาหารสูง อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ รวมทั้งวิตามินและเกลือแร่ที่จำเป็นต่อร่างกาย อาทิ ธาตุเหล็ก โปแตสเซียม และแคลเซียม ทั้งยังให้ความหวานจากน้ำตาลธรรมชาติที่ดูดซึมง่ายและเปลี่ยนเป็นพลังงานได้เร็ว  

มิสเตอร์ ริชาร์ด ลิว กว่าวต่อไปว่า เพื่อกระตุ้นให้คนไทยเล็งเห็นถึงคุณค่าทางอาหารของลูกเกด และหันมาบริโภคลูกเกดแคลิฟอร์เนียอย่างแพร่หลายมากขึ้น เราวางแผนที่จะจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องตลอดปี ทั้งกิจกรรมส่งเสริมการขายภายในห้าง เช่น การจัดให้ชิมฟรี การลงบทความในสื่อสิ่งพิมพ์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์ของลูกเกด การร่วมกับนิตยสารด้านสุขภาพ และอาหารจัดคอร์สสอนทำอาหารด้วยลูกเกดแคลิฟอร์เนียให้กับผู้อ่านที่สนใจฟรี ตลอดจนการเดินสายจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการโดยเชิญเชฟชั้นนำจากต่างประเทศมาสาธิตสูตรอาหารใหม่ๆ ที่มีลูกเกดแคลิฟอร์เนียเป็นส่วนประกอบให้แก่ผู้ประกอบการด้านอาหารและเบเกอรี่ที่สนใจทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดใหญ่อย่าง เชียงใหม่ พัทยา และภูเก็ต โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมียอดการนำเข้าลูกเกดในปี 2554 สูงถึง 1,700 ตัน โดยลูกเกดแคลิฟอร์เนีย ถือเป็นเจ้าตลาดที่มีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 74 % หรือประมาณ 1,265 ตัน ในปี 2011 ซึ่งหลังจากทางคณะกรรมการฯRAC ได้มีการสร้างการรับรู้ถึงคุณประโยชน์ของลูกเกดจากแคลิฟอร์เนียอย่างต่อเนื่อง จากปี 2009 ที่มีการนำเข้าลูกเกด 1,285 ตัน และลูกเกดแคลิฟอร์เนีย มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 733 ตัน หรือประมาณ 57 % ทำให้มีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด เป็น 1,096 ตัน ในปี 2010 และปี 2011 มีการนำเข้ากว่า 1,265 ตัน และคาดว่าในปี 2012 จะมีอัตราการเติบโตกว่า 20 %

“ในส่วนของกลยุทธ์ทางการตลาด ทางคณะกรรมการฯ จะส่งเสริมการบริโภคลูกเกดแคลิฟอร์เนียผ่านทางผู้ประกอบการเบเกอรี่, โรงแรม, ร้านอาหาร โดยการจัดสัมนาเผยแพร่ความหลากหลายในการนำลูกเกดแคลิฟอร์เนียไปใช้ในการประกอบกาหาร และเบเกอรี่ นอกจากนี้ยังมีการทำ Co-Promotion กับผู้ประกอบการเบเกอรี่ เช่น โอบองแบง, ยามาซากิ อีกด้วย ซึ่งปัจจุบันกลุ่มลูกค้าลูกเกดแคลิฟอร์เนียในประเทศไทย ถูกนำไปใช้ในผู้ประกอบการเบเกอรี่ และร้านอาหารประมาณ 70 % และอีก 30 % นำไปบริโภคเป็นขนมขบเคี้ยว” มิสเตอร์     ริชาร์ด ลิว กล่าวปิดท้าย

 

สำหรับผู้สนใจ

ผู้ที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับลูกเกด ซึ่งรวมถึงข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์ สูตรอาหาร และเรื่องราวเกี่ยวกับโภชนาการสำหรับเด็ก สามารถคลิกไปที่ www.raisins.org สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับการส่งเสริมการบริโภค

ลูกเกดแคลิฟอร์เนียและกิจกรรมทางการตลาดที่เกี่ยวข้อง กรุณาติดต่อขอรับได้ที่ caraisins@lieumktg.com.sg