ยูโรฟีเวอร์ ! กระตุ้นโฆษณาเคเบิลทีวี จานดาวเทียมโตกระฉูด

ถึงแม้ว่า ปัญหาการถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร ระหว่างทรูวิชั่นส์และจีเอ็มเอ็ม แซท ที่กลายเป็นศึก ระดับ“บิ๊กแมทช์”  ล่าสุด ผู้บริหารจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ได้ออกแถลงข่าว ช่วงบ่ายวันนี้  (13 มิถุนายน) ระบุว่า สหพันธ์ฟุตบอลแห่งยุโรป หรือ ยูฟ่ามีหนังสือปฏิเสธที่จะให้ทรูวิชั่นส์ ถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2012 โดยให้เหตุผล ยูฟ่าพอใจกับการถ่ายทอดผ่านฟรีทีวีช่อง 3,5 และ 9 ในความหมายของการถ่ายทอดโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบอนาล็อค แล้ว จึงไม่อนุญาติให้ทรูวิชั่นส์ ซึ่งมีสถานะเป็น pay tv ถ่ายทอดได้อีก 

บ่ายวันเดียวกัน ทรูวิชั่นส์ออกแถลงการณ์แก้ปัญหานี้ งดค่าสมาชิกทุกแพคเกจฟรีเป็นเวลา 1 เดือน  แต่กระแสฮอตฟุตบอลยูโรปีนี้ ก็กระตุ้นให้ยอดโฆษณาเติบโตขึ้น   

ล่าสุด เอซี นีลเส็น ได้เปิดเผยผลสำรวจ มูลค่าการลงสื่อโฆษณาผ่านเคเบิลทีวีและจานดาวเทียมในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นอีก 21 ล้านบาท จากยอดลงโฆษณาเดือนเมษายน เป็น 715 ล้านบาท (ไม่รวมมูลค่าโฆษณาบนทรู วิชั่นส์) ส่งผลให้สื่อโทรทัศน์ผ่านเคเบิ้ลและดาวเทียมมีมูลค่าการลงโฆษณามากที่สุดเป็นอันดับที่สี่ (4%) รองมาจากวิทยุ (6%) โดยสื่อโทรทัศน์ฟรีทีวียังคงเป็นแชมป์ มีมูลค่าการลงโฆษณาอยู่ที่ 1.14 หมื่นล้านบาท (70%) ตามมาด้วยสื่อสิ่งพิมพ์ที่ 3.2 พันล้านบาท (19%)

นอกจากนี้ ผลการสำรวจของนีลเส็นยังสรุปได้ว่า มูลค่าการโฆษณาผ่านเคเบิ้ลโทรทัศน์และจานดาวเทียมมีความสัมพันธ์สอดคล้องกับจำนวนครัวเรือนที่เป็นสมาชิกที่เพิ่มมากขึ้น จากจำนวนผู้บริโภค 21.8 ล้านครัวเรือนที่มีโทรทัศน์ 10.9 ล้านครัวเรือนรับชมผ่านระบบเสาอากาศ (49%) ขณะที่ 6.8 ล้านครัวเรือนเลือกรับชมผ่านจานดาวเทียม (31%) 2.3 ล้านครัวเรือนรับชมผ่านเคเบิลท้องถิ่น (11%) และ 1.8 ล้านครัวเรือนเป็นสมาชิกทรู วิชั่นส์ (9%) 

 

ฮอตในโลกออนไลน์

นีลเส็น ยังนำข้อมูลจาก Buzz Metrics เครื่องมือวิเคราะห์ “เสียงผู้บริโภค” ในโลกอินเตอร์เน็ตของนีลเส็นระบุว่า “ฟุตบอลยูโร 2012” เป็นประเด็นออนไลน์ที่ร้อนที่สุดในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยมีข้อความกว่า 26,675 ข้อความที่ชาวเน็ทไทยเปิดประเด็นพูดคุยถึง ในขณะที่ประเด็นร้อนอื่นๆ ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ตเลดี้กาก้า ละครเรื่องบ่วง หรือแม้กระทั่งพรบ. ปรองดองของรัฐบาล มีการโพสต์ข้อความเพียงหลักร้อยเท่านั้น 

จนถึงวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา ทีมฟุตบอลที่ “ฮอต” ที่สุดในโลกออนไลน์คนไทยคือ อังกฤษ (726 ข้อความ) ตามมาด้วยสเปน (515 ข้อความ) และเยอรมันนี (421 ข้อความ)