หลังจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของรถปิกอัพสำหรับคนทั้งโลก “อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด!” เมื่อปลายปีที่ผ่านมาได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการรถยนต์ไทยอีกครั้งกับยอดจองถล่มทลาย15,000 คัน ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียง 3 วัน จนถึงปัจจุบันกระแสตอบรับ “อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด!” ก็ยังคงแรงไม่ตก จึงเป็นโอกาสอันดีที่สื่อมวลชนจะได้ร่วมเดินทางเพื่อสัมผัสสมรรถนะอันยอดเยี่ยมของรถปิกอัพ “อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด!” ยนตรกรรมชิ้นเอกของอีซูซุเป็นครั้งแรก สู่จุดหมายปลายทางที่เรียกได้ว่าฮอตฮิตติดลมบนที่สุดในขณะนี้อย่าง “จางเจียเจี้ย” ซึ่งโด่งดังทั้งในหมู่ชาวไทยและชาวต่างชาติหรือแม้กระทั่งชาวจีนเอง เนื่องจากความงดงามของภูมิทัศน์ที่แปลกตาได้กลายเป็นฉากอันยิ่งใหญ่ของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ชื่อดังเรื่อง “อวตาร” โดยคาราวาน“อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด!” ถือเป็นคาราวานรถยนต์ไทยกลุ่มแรกที่เดินทางผ่าน 3 มณฑลของประเทศจีน จากเมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน ผ่านเมืองไขหลี่ มณฑลกุ้ยโจว และเมืองฉางซา มณฑลหูหนาน เพื่อชมความงดงามอลังการของอุทยาน “จางเจียเจี้ย” รวมระยะทางไป-กลับกว่า 3,400 กิโลเมตร
ในวันแรกคาราวาน “อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด!” นำโดยคุณวิชัย สินอนันต์พัฒน์ รองผู้อำนวยการสายงานกลุ่มขาย และกลุ่มธุรกิจบริการหลังการขาย บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด พร้อมรถปิกอัพ “อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด!” 15 คัน ออกเดินทางตั้งแต่เช้าจากเมืองคุนหมิง เพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองไขหลี่ ระยะทางรวมโดยประมาณ 700 กิโลเมตร เมืองคุนหมิง เป็นเมืองเอกของมณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ปัจจุบันมีประชากรรวมกว่า 7 ล้านคน โดยภูมิประเทศของคุนหมิงเต็มไปด้วยภูเขาล้อมรอบตัวเมือง 3 ด้าน อาณาเขตทิศใต้ติดกับทะเลสาบ สูง 1,850 เมตรจากระดับน้ำทะเล ตัวเมืองตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลสาบเตียนฉือด้านทิศเหนือ และเนื่องจากมีอากาศอบอุ่นตลอดทั้งปี จึงถูกขนานนามว่า “นครแห่งฤดูใบไม้ผลิ”
สิ่งแรกที่ประทับใจใน “อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด!” ก่อนที่จะออกเดินทาง นอกจากรูปลักษณ์ที่เท่ สปอร์ตลงตัว ดูลู่ลมแล้ว เมื่อได้เข้าไปนั่งในรถจะพบว่าห้องโดยสารมีความกว้างขวางดีไซน์หรูหรา ทันสมัย สะดวกสบาย พร้อมช่องเก็บของมากมาย โดยอุปกรณ์ต่างๆ ถูกออกแบบเน้นตามหลัก Universal Design เพื่อให้ผู้ใช้รถเป็นศูนย์กลาง รวมทั้งยังเห็นถึงความใส่ใจเรื่องระบบความบันเทิงภายในรถที่มีชุดเครื่องเล่น DVD พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย และได้ติดตั้งลำโพงเป็นครั้งแรกในวงการปิกอัพถึง 8 ตัว โดยลำโพงพิเศษบนเพดาน “Exciter” ช่วยทำให้ระบบเสียงของรถปิกอัพ “อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด!” คันนี้ เป็นระบบเสียงที่สมบูรณ์แบบเลยทีเดียว
ระหว่างทางจากเมืองคุนหมิง ไปเมืองไขหลี่นั้น ขบวนคาราวานใช้เส้นทางไฮเวย์หมายเลข G60 ซึ่งเมื่อออกจากตัวเมืองคุณหมิงไม่นาน เส้นทางจะเริ่มชันขึ้นเรื่อยๆ วิวสองข้างทางจะผ่านหมู่บ้านชนบท มีการเพาะปลูกไร่ชา และการทำนาข้าวแบบขั้นบันไดสวยงามมาก บางจังหวะของการขับขี่ เราใช้กำลังเครื่องยนต์ได้อย่างเต็มที่ โดยแรงบิดของเครื่องยนต์ “อีซูซุ ซูเปอร์คอมมอนเรล” ที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่สามารถให้แรงบิดช่วงกว้างได้ตั้งแต่รอบต่ำ ตอบสนองได้ดีอย่างต่อเนื่องจนถึงรอบสูง จึงทำให้ในบางช่วงที่เป็นทางชันไม่จำเป็นต้องกดคันเร่งเยอะหรือลดเกียร์ลงมา ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการขับเกียร์อัตโนมัติ หรือเกียร์ธรรมดาก็ให้ความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน คือมีอัตราเร่งดีพอๆ กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกียร์อัตโนมัติจะมีระบบ Revtronic ซึ่งสามารถไล่เกียร์ได้เหมือนเกียร์ธรรมดา ทำให้การขับขึ้นลงทางชันเป็นไปอย่างสบายๆ มั่นใจยิ่งขึ้น
ประเทศจีนถือเป็นประเทศที่เชี่ยวชาญในการตัดเส้นทางผ่านเทือกเขาสูงชันโดยการระเบิดอุโมงค์และสร้างสะพานเชื่อมเพื่อย่นระยะเวลาในการเดินทางไปยังจุดต่างๆ ให้สั้นลง ระหว่างการเดินทางครั้งนี้ คาราวาน “อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด!” จึงได้ลอดผ่านอุโมงค์และสะพานแขวนหลายแห่ง โดยเฉพาะสะพานสำคัญที่มีชื่อว่า “เพ่ยหลินปะ” ซึ่งเป็นสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน มีความยาว ถึง 2,270 เมตร
การเดินทางโดยรถยนต์ในประเทศจีนอาจมีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีอุบัติเหตุ บ่อยครั้งเส้นทางจะถูกปิดเป็นเวลาหลายชั่วโมงเพื่อเคลียร์พื้นที่ ในครั้งนี้ก็เช่นกัน คาราวานของเราก็ถือว่าได้พบความโชคดีในความโชคร้าย เพราะเราต้องเปลี่ยนแผนการเดินทางก่อนที่จะถึงเมืองไขหลี่อีกเพียง 200 กิโลเมตรเพื่อเลี่ยงเส้นทางที่ถูกปิดเนื่องจากอุบัติเหตุลงอย่างไม่มีกำหนด เราจึงต้องไปใช้เส้นทางเล็กๆ ด้านล่างลัดเลาะผ่านหมู่บ้านแทนเส้นทางไฮเวย์หลัก นับเป็นประสบการณ์อันล้ำค่าที่เราได้ไปพบเห็นธรรมชาติและสภาพชุมชน รวมทั้งวิถีชีวิตชนบทของจีนที่ดูเรียบง่ายต่างกับสภาวะอันยุ่งเหยิงบนถนนแคบๆ แบบ 2 เลนสวนกันและเสียงแตรของรถที่บีบไล่กันอย่างดังสนั่นไม่เกรงใจใคร ซึ่งไม่อาจทำให้ผู้ที่เดินอยู่สะทกสะท้านแต่อย่างไร จุดนี้ผู้ขับจึงต้องใช้ความระมัดระวังและทักษะในการขับขี่เป็นอย่างสูงในการหลบทั้งรถและคนเดินเท้า โดยทุกคนก็ได้ประจักษ์ถึงประสิทธิภาพ “เบรก” ของรถปิกอัพ “อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด!” ได้เป็นอย่างดี เพราะระบบเบรกของ“อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด!” นี้เรียกได้ว่าครบเครื่องไม่ว่าจะเป็นระบบ ABS, EBD, G-Sensor ในรุ่น V-Cross และ Brake Assist (BA) ทำให้ขบวนเดินทางถึงเมืองไขหลี่โดยสวัสดิภาพ
วันที่ 2 ของขบวน “อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด!” เริ่มขึ้นที่เมืองไขหลี่ ซึ่งเป็นเมืองของชนกลุ่มน้อย เพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองฉางซา ระยะทางรวม 670 กิโลเมตร โดยผ่านเมืองเส้าหยาง มายังเมืองเส้ากว้าน ซึ่งเป็นเมืองเกิดของท่านประธานเหมาเจ๋อตุง รัฐบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ในใจของชาวจีนทุกคน จากนั้นก็เข้าสู่เมืองฉางซา อันเป็นเมืองเอกของมณฑลหูหนาน แม้ชื่ออาจจะไม่คุ้นหูชาวไทยนักแต่ “ฉางซา” เป็นเมืองขนาดใหญ่ที่มีความเจริญมากกว่าคุนหมิงเสียอีก การเดินทางวันนี้ขบวนคาราวานต้องเผชิญฝนตกตลอดทั้งวัน แต่ทุกคนก็วางใจในสมรรถนะรถปิกอัพ “อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด!” โดยเฉพาะการเกาะถนนที่ดีเยี่ยม มั่นใจทุกครั้งที่เข้าโค้งท่ามกลางถนนที่เปียกลื่น อันเป็นผลมาจากเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด “i-Grip Platform” ที่ผสานระหว่างช่วงล่างออกแบบใหม่ ขยายความกว้างช่วงล้อทั้งล้อหน้าและล้อหลัง ฐานล้อที่ยาวขึ้น อีกทั้งการวางตำแหน่งเครื่องยนต์ที่เหมาะสม เพื่อเป็นการสร้างสมดุลยภาพแห่งการขับขี่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เป็นที่ทราบกันดีว่ารถอีซูซุมีชื่อเสียงในด้านการประหยัดน้ำมัน แต่สำหรับรถปิกอัพ “อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด!” นั้นได้ยกระดับการขับขี่ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยมุ่งพัฒนาพฤติกรรมการขับขี่เฉพาะบุคคลในด้านต่างๆ ไม่ใช่เพียงแค่การประหยัดน้ำม้นอย่างเดียวเท่านั้น อีซูซุจึงได้ติดตั้งเทคโนโลยีอัจฉริยะใหม่ล่าสุดในวงการรถยนต์ให้กับรถปิกอัพ “อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด!” ที่เรียกว่า “อีซูซุ อินไซท์” ซึ่งสามารถบันทึกพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ใช้รถและประเมินผลทักษะการขับขี่ รวมทั้งประมวลผลออกมาเป็นรายงานการขับขี่ ในรูปแบบกราฟใยแมงมุมเพื่อให้เข้าใจง่าย โดยวิเคราะห์พฤติกรรมการขับ 5 ด้าน ได้แก่ ความเร็วและอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง, ช่วงรอบเดินเบา, รอบเครื่องยนต์, การใช้เบรก และการเหยียบคันเร่ง ทำให้ทุกคนได้ทราบถึงพฤติกรรมการขับของตนเองในสภาพการใช้งานจริงพร้อมคำแนะนำเพื่อให้ขับรถได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ประหยัดน้ำมันมากขึ้นและปลอดภัยยิ่งขึ้นอีกด้วย
วันสุดท้ายของขบวนคาราวานมุ่งหน้าสู่จุดหมายของการเดินทางครั้งนี้คืออุทยานแห่งชาติ “จางเจียเจี้ย” ซึ่งห่างจากเมือง “ฉางซา” ประมาณ 330 กิโลเมตร แต่ด้วยเส้นทางหลักมีการปิดถนนเพื่อปรับปรุง ทำให้เราต้องออกจากไฮเวย์ ไปใช้เส้นทางด้านล่างที่ต้องผ่านชุมชนอันวุ่นวายไปด้วยรถและคนของเมืองฉางซาอีกครั้งเป็นระยะทางกว่า 50 กิโลเมตร ถึงแม้ว่าการขับรถในช่วงนี้จะทำให้หลายคนหายใจไม่ทั่วท้องเนื่องจากความจอแจบนท้องถนน แต่ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “สนุก ตื่นเต้น เร้าใจจริงๆ” หลังจากขบวนคาราวานกลับเข้าสู่เส้นทางไฮเวย์ ทุกคนจึงรู้สึกผ่อนคลายและเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์สองข้างทางสวยงาม จนเข้าเขตเมือง “จางเจียเจี้ย” ที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขาและธรรมชาติเขียวขจี
การเดินทางอันท้าทายครบทุกรสชาติกว่า 1,700 กิโลเมตร เพื่อที่จะได้มาสัมผัสความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ ซึ่งผู้กำกับมากความสามารถอย่าง “เจมส์ คาเมรอน” เลือกเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องดัง “อวตาร” ที่ทำให้ชื่อของ “จางเจียเจี้ย” ดังกระฉ่อนไปทั่วโลกและทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลหลั่งไหลมาชมความงดงามอลังการของแท่งหินควอร์ตไซต์และยอดเขาสูงชันกว่า 3,000 ลูกเรียงรายกันอย่างน่าอัศจรรย์ การเดินทางโดยลิฟท์แก้วสูง 326 เมตรเพื่อได้สัมผัสทิวทัศน์จากมุมสูงอย่างใกล้ชิดมากขึ้น ทำให้มองเห็นความน่าทึ่งของธรรมชาติที่สร้างไว้
วันต่อมาคณะสื่อมวลชนกลุ่ม 2 ที่เดินทางมาสมทบเพื่อเตรียมขับรถกลับสู่คุนหมิง ก็ได้ท่องเที่ยวร่วมกัน ณ สถานที่ที่ต้องไปเยือนเมื่อมาถึง “จางเจียเจี้ย” นั่นคือ “เทียนเหมินซาน” หรือ “ประตูสวรรค์” โดยรถปิกอัพ “อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด!” ได้รับสิทธิพิเศษในการนำรถจากประเทศไทยเข้าวิ่งบนถนนในอุทยานเป็นครั้งแรกผ่านโค้งเขาอันสูงชัน รวมกันถึง 99 โค้ง เพื่อไปจอดหน้าทางขึ้น “ประตูสวรรค์” ซึ่งปกติจะไม่อนุญาตให้นำรถขึ้นไปเองอย่างเด็ดขาดเพราะเส้นทางที่ค่อนข้างอันตราย “ประตูสวรรค์” ตั้งตระหง่านท่ามกลางสายฝนอันชุ่มช่ำ โดยชาวจีนเชื่อว่าเป็นประตูที่เปิดรับพลังเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
จุดท่องเที่ยวเทียนเหมินซานมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ไม่ใช่ในฐานะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว แต่เป็นที่วัดฝีมือของนักบินชั้นเยี่ยมในการบินลอดผ่านช่องเขาประตูสวรรค์แห่งนี้ มีพื้นที่ 190 ตารางกิโลเมตร บนยอดเขายังเป็นพื้นที่ป่าดิบที่สมบูรณ์อย่างที่สุด ต้นไม้ใหญ่แต่ละต้นมีอายุนับร้อยปี การเดินทางสู่ประตูสวรรค์ เขาเทียนเหมินซานต้องนั่งกระเช้ากอนโดล่าที่มีความยาว 7.5 กิโลเมตร จากสถานีในเมือง ชมความงามของภูผานับพันยอด จากนั้นลงมาที่สถานี “จงจ้าน” เพื่อนั่งรถของการท่องเที่ยวท้องถิ่นเดินทางสู่ทางขึ้นประตูสวรรค์ ถึงทางขึ้นจุดธูปใหญ่ไหว้ฟ้าขอพรเทพสวรรค์ โดยขึ้นบันได 999 ชั้น เพื่อถึงช่องเขาประตูสวรรค์ “เทียนเหมินซาน”
ช่วงบ่ายคณะได้เลือกซื้อของฝาก ของพื้นเมือง ติดไม้ติดมือกลับบ้านกัน และนวดเท้าผ่อนคลายแบบจีนหลังจากการเดินทางไกลมาหลายวัน ในขณะเดียวกันสื่อมวลชนกลุ่ม 2 ก็ได้ออกเดินทางย้อนเส้นทางเดิมเพื่อกลับสู่คุนหมิง โดยตลอดระยะทางกว่า 1,700 กิโลเมตร ก็ได้สัมผัสถึงสมรรถนะอันยอดเยี่ยมของรถปิกอัพ “อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด!” รวมทั้งประสบการณ์อันน่าจดจำ ก่อนเดินทางกลับประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ