SIRI โชว์ผลประกอบการไตรมาส 2/55 กำไรโต 40

กลุ่มแสนสิริ ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/55 กำไรโต 40% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 32% เทียบกับช่วงไตรมาสก่อน จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการจำนวนมาก ขณะที่รายได้จากการขายเติบโตขึ้น 10% จากไตรมาสแรก จากยอดขายรวมไตรมาส 2 ที่ 8,600 ล้านบาท – สรุปรอบ 6 เดือน สร้างยอดขายได้ 20,600 ล้านบาท มีรายได้รวมกว่า 10,160 ล้านบาท และมีกำไรกว่า 790 ล้านบาท ปลื้มแบรนด์ ดีคอนโดเติบโตแข็งแกร่ง ลูกค้าให้การตอบรับดี เดินหน้าเปิดตัวต่อเนื่อง “ดีคอนโด สาธุประดิษฐ์ 49” จำนวน 396 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 731 ล้านบาท คาดสามารถปิดการขายได้ทันที 

นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทแสนสิริในช่วงไตรมาส 2/2555 บริษัทมีกำไรสุทธิเติบโตสูงสุดในอัตรา 40% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาจากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิที่ 32% หากเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2555 โดยกำไรสุทธิในช่วงไตรมาสที่ 2/2555 นี้บริษัทสามารถทำได้ถึง 450 ล้านบาท สามารถสร้างยอดขายจากโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ ได้รวม 8,600 ล้านบาท และคิดเป็นรายได้จากการขายรวมที่ 5,275 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากที่อยู่อาศัยแนวราบสูงถึง 56% ของรายได้จากการขายทั้งหมด ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1/2555 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้รวมกว่า 12,000 ล้านบาท คิดเป็นรายได้รวมกว่า 5,182 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 340 ล้านบาท 

สำหรับสรุปผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 บริษัทประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจทั้งโครงการคอนโดมิเนียมในย่านธุรกิจกลางใจเมือง โครงการบ้านเดี่ยวรวมทั้งโครงการทาวน์เฮาส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทประสบความสำเร็จจากการรุกขยายฐานธุรกิจจากตลาดต่างจังหวัดได้เพิ่มมากขึ้น คิดเป็นประมาณถึง 22% จากยอดขาย 20,600 ล้านบาทที่สามารถทำได้ในครึ่งปีแรก ซึ่งทำให้เชื่อมั่นว่าในปีนี้กลุ่มบริษัทแสนสิริจะสามารถสร้างยอดขายจากโครงการที่อยู่อาศัยได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน  

“บริษัทสามารถสร้างยอดขายรวมโครงการที่อยู่อาศัยในช่วง 6 เดือนแรก (1 ม.ค. – 30 มิ.ย. 55) ได้ถึงประมาณ 20,600 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 57% ของยอดขายทั้งปีที่ได้วางเป้าหมายไว้ 36,000 ล้านบาท คิดเป็นรายได้จากการขายรวม 10,160 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากที่อยู่อาศัยประเภทแนวสูงและแนวราบในสัดส่วน 58% : 42%  รวมทั้งมีกำไรสุทธิ 790 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 537 ล้านบาท ซึ่งคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถสร้างผลการดำเนินงานตลอดปี 2555 ได้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้” นายเศรษฐา กล่าว 

นอกจากนี้ ปัจจัยที่สนับสนุนให้กลุ่มบริษัทแสนสิริ ประสบความสำเร็จในด้านการขายโครงการที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความต้องการที่อยู่อาศัยของลูกค้ายังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาดที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ในทำเลที่มีการคมนาคมที่สะดวกสบาย รวมทั้งสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้ายังคงได้รับความสนใจเป็นอย่างดี โดยล่าสุดบริษัทเตรียมเปิดการขายคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ “ดีคอนโด” โครงการล่าสุด ในชื่อ “ดีคอนโด สาธุประดิษฐ์49” Low rise Condominium สไตล์โมเดิร์น คลาสสิคคอนโด แต่งครบแบบ Fully Furnished จำนวน 396 ยูนิต ในทำเลซอยสาธุประดิษฐ์ 49  ที่แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก มูลค่าโครงการ 731 ล้านบาท เตรียมเปิด Pre-Sale อย่างเป็นทางการในวันที่ 18 – 19 สิงหาคม 2555 นี้ ในราคาเริ่มต้น 1.6 ล้านบาท และผ่อนเริ่มต้นเพียง 1,999 บาทต่อเดือนเท่านั้น โดยบริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถปิดการขายได้ทันทีที่เปิดขาย เนื่องจากลูกค้าให้การตอบรับคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ดีคอนโด เป็นอย่างดีตลอดมา จนถึงปัจจุบันนับเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ที่ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าทั้งในกรุงเทพฯ และจ.ภูเก็ต นับตั้งแต่เปิดการขายโครงการแรก โดยบริษัทพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ดีคอนโดไปแล้วเป็นจำนวนถึง 9 โครงการในกรุงเทพฯ และจ.ภูเก็ตภายในระยะเวลาเพียง 2 ปีเท่านั้น   

“ภาพรวมผลประกอบการที่ค่อนข้างน่าพอใจในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ เป็นผลจากที่มีการโอนและทยอยส่งมอบโครงการคอนโดมิเนียม ควอทโทร บาย แสนสิริ, ดีคอนโด รามคำแหง และดีคอนโด รามอินทรารวมถึงโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ ทั้งบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ ที่มีการก่อสร้างและทยอยส่งมอบบ้านให้กับลูกค้าตามเฟสต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยจำนวนที่อยู่อาศัยที่มีการโอนให้กับลูกค้าแล้วในช่วงครึ่งปีมีจำนวนรวมประมาณกว่า 3,185 ยูนิต มูลค่าประมาณ 10,160  ล้านบาท หรือคิดเป็น 39% ของประมาณการยอดโอนมอบที่อยู่อาศัยทั้งปี 2555 ที่ตั้งไว้มูลค่า 26,000 ล้านบาท ซึ่งแสดงถึงความเชื่อมั่นในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะการใช้ประสบการณ์ที่เชี่ยวชาญในการพัฒนาธุรกิจ ” นายเศรษฐา กล่าว