กระแสที่มาแรงในโลกออนไลน์ที่สุดในช่วงนี้ แบ่งเป็น 2 เรื่อง 1.คำพูด “บ่องตง” ที่ย่อคำว่า “บอกตรงๆ” 2.วลี “ทวงคืน…”
เพ็จ “ทวงคืน…” เริ่มต้นมาจากกระแส “ทวงคืน ปตท.” พูดเรื่องปัญหาใหญ่ในสังคมไทย คือ เรื่องราคาน้ำมัน คาบเกี่ยวกันระหว่างเรื่องปากท้องกับการเมือง จนกระทั่งกลายเป็นกระแส “ทวงคืน…” สารพัดอย่าง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็น ปัญหาทางสังคม เช่น ทวงคืน เหนือเมฆ 2 แต่จุดเปลี่ยนกระแส “ทวงคืน…” ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คงเป็นการ “ทวงคืนผัดกะเพราไม่ใส่ถั่วฝักยาว ข้าวโพดอ่อนและหัวหอมใหญ่” แปลงวลีที่แสนจะซีเรียสให้กลายเป็นเรื่องขบขัน หลังจากนั้นก็มีสารพัดเพ็จ หรือกลุ่มทวงคืน เช่น ทวงคืนที่ฉีดตูดในห้องน้ำ
จุดร่วมของเหล่าเพ็จพวกนี้ก็คือต้องเป็นเรื่องเล็กๆ ใกล้ตัว ที่ดูเหมือนจะไร้สาระ แต่ความจริงแล้วเป็นเรื่องราวที่คนในสังคมก็เคยแอบคิด แอบสงสัยกันมานานแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นทำไมสั่งข้าวผัดกะเพราแล้วต้องมีผักสารพัดอย่างแถมมาด้วย หรือห้องน้ำสาธารณะบางแห่งน่าจะติดตั้งสายชำระมาด้วย บวกกับการประชดประชันว่าทำไมถึงมีกลุ่ม “ทวงคืน…” เยอะเหลือเกิน ก็เลยกลายเป็นว่าจากเรื่องเครียด กลุ่มทวงคืนทั้งหลายได้ลดดีกรีกลายเป็นความฮาแทน และเชื่อว่า “ทวงคืน…” จะกลายเป็นวลีฮิตในโลกออนไลน์ไปอีกพักใหญ่
สิ่งที่เกิดขึ้นคล้ายกับกระแสที่ช่วงหนึ่งเคยมีวลี “มั่นใจว่า คนไทย 1 ล้านคน …” และรวบรวมปัญหาในสังคมอาจจะเป็นความสนใจร่วมของคนกลุ่มเล็กๆ แล้วตั้งใจสร้างคอมมูนิตี้ให้เพ็จกลายเป็นที่รวมของคนที่มีความคิดเห็นในแบบเดียวกัน โดยตั้งจำนวนหลักล้าน หลักแสนเป็นตัวชี้วัดว่ามีคนคิดแบบเดียวกันมากน้อยแค่ไหน นอกจากนี้ผู้เล่นเฟซบุ๊คในไทยยังเคยเจอกับสารพัด “สมาคม….” มาแล้ว ซึ่งการใช้วลีสร้างตัวตนเพื่อจับกระแสในสังคมแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง บางเพ็จมาเร็วไปเร็ว ส่วนที่อยู่ยั่งยืนก็จะเหลือเพียงตัวจริงที่เป็นคนคิดรายแรกๆ เช่น สมาคมมุขเสี่ยวๆ ที่ทุกวันนี้ยังมีคอนเทนต์อัพเดทอยู่เสมอและคงคาแร็กเตอร์ความเสี่ยวเอาไว้ได้ หรือเพ็จที่รวมความเห็นของคนหมู่มากเอาไว้ได้จริงๆ ซึ่งก็ไม่พ้นความคิดเห็นทางการเมืองที่ยังมีกลุ่มก้อนอย่างเหนียวแน่น
สำหรับการตลาด ตอนนี้มีคนนำเอา “บ่องตง” มาแต่งเป็นเพลงเรียบร้อยแล้ว ส่วนการ “ทวงคืน…” ที่กลายเป็นกระแสอยู่ตอนนี้คงจะมีโฆษณาที่หยิบยกเอาคำนี้ไปใช้แน่นอน เพราะเป็นคำที่เล่นกับคุณภาพหรือภาพลักษณ์สินค้าได้หลายแง่มุม