เชอร์รีล แซนด์เบิร์ก ผู้บริหารหญิงจากเฟซบุ๊กไปทำอะไรที่ปักกิ่ง!

เชอร์รีล แซนด์เบิร์ก (Sheryl Sandberg) ผู้บริหารหญิงจากฝ่ายปฏิบัติการจากเฟซบุ๊ก (Chief Operating Officer) ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญในการนำเฟซบุ๊กเข้าตลาดหลักทรัพย์ ทั้งยังถูกสื่อมะกันวางตัวให้เป็นว่าที่ซีอีโอของไมโครซอฟท์แทนสตีฟ บัลเมอร์ที่จะเกษียณเร็วๆ นี้

เมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมาเชอร์รีลได้เดินทางไปปักกิ่งเพื่อทำ 2 ภารกิจสำคัญทั้งเพื่อบริษัทและตัวเธอเอง

เรื่องแรกคือ การเดินทางเข้าพบ “ไช่ หมิงเจ้า” ข้าราชการระดับสูงที่ดูแลด้านข้อมูลสารสนเทศของสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเจรจาเสนอว่าทางนักธุรกิจจีนจะสามารถใช้เฟซบุ๊กเป็นช่องทางสำคัญในการขยายธุรกิจไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้? (เพราะประชากรนับพันล้านคนบนโลกเป็นสมาชิกเฟซบุ๊กกันหมดแล้ว เหลือแต่ที่จีนเพราะยังบล็อกเว็บนี้เป็นอันดับแรกๆ ในลิสต์)

เหตุผลสำคัญง่ายๆ ที่ทำไมเฟซบุ๊กถูกบล็อกในจีนก็เพราะเฟซบุ๊กสามารถเป็นเวทีที่แสดงความทางการเมืองแบบง่ายๆ และทุกความเห็นมีใบหน้าของผู้โพสต์ประกอบ เท่ากับเป็นเป็นการเปิดโอกาสให้ใครก็ได้ที่กล้า! ลุกขึ้นมาต่อกรกับอำนาจของรัฐอย่างโจ่งแจ้ง (เกินไป) นั่นเอง

โดยทางเชอร์รีลพูดให้ทางเจ้ากรมเห็นว่า โฆษณาบนเฟซบุ๊กก็ไม่ต่างจากกูเกิล ที่ทำให้คนทั่วโลกรู้จักบริษัทใหญ่ๆ ของจีนได้

สรุปประเด็นจริงๆ ก็คือ เชอร์รีลหลีกเลี่ยงที่จะพูดเรื่องการเมือง แต่กลับพูดถึงเรื่องการค้าที่คนจีนถนัดดี และพูดถึงโอกาสทำเงินในสเกลที่ใหญ่ แต่ทั้งหมดทั้งปวงก็หมายถึงการขอมิให้บล็อกเฟซบุ๊กในจีนนั่นเอง

การเอาเรื่องการค้ามาพูดอาจจะฟังไม่ค่อยขึ้นนัก เพราะพ่อค้าตัวจริงของจีนทุกคนหากเน้นตลาดในประเทศก็ไม่แคร์เฟซบุ๊ก แต่หากเน้นตลาดต่างประเทศจริงๆ บริษัทเหล่านี้ก็เข้าจะซื้อบริการระบบ VPN (Virtual Private Network) ที่จะทำให้เล่นทุกเว็บที่บล็อกได้สบายๆ ดังนั้นหากเป้าหมายของ เชอร์รีล ที่จะให้จีนปลดล็อกเฟซบุ๊ก ในสายตาของรัฐบาลคือ เป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น และเป็นไปไม่ได้นั่นเอง!

ภารกิจต่อมาของเชอร์รีลคือ เดินทางไปที่คณะธุรกิจของมหาวิทยาลัยฉางเจียงในปักกิ่ง เพื่อขึ้นเวทีพูดถึงหนังสือชื่อ Lean In: Women, Work and the will to Lead ที่เธอเขียนขึ้นเองและมีการแปลเป็นภาษาจีนพร้อมพิมพ์ซ้ำแล้วถึง 6 รอบ โดยหวังว่าจะปลุกเร้าให้เด็กสาวรุ่นใหม่ในจีนกล้าคิดกล้าทำแบบเธอ

มาถึงวันนี้การบุกปักกิ่งของเชอร์รีลได้ย้ำถึงภาพลักษณ์ความเป็นคนตรงและกล้าของเธอได้เป็นอย่างดี ซึ่งหวังว่าหลังจากนี้เธอจะได้ไม่เป็นแค่ขวัญใจมหาชนแต่เป็นคนต้องห้ามของรัฐปักกิ่งเหมือนกับไอดอลชาวมะกันหลายๆ คนที่ผ่านมา