แสนสิริ ส่งมอบอีก 2 โครงการคอนโดมิเนียมตอกย้ำคุณภาพและความเป็นผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมระดับบน ล่าสุดโอน PYNE by Sansiri จำนวนทั้งสิ้น 298 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 2,100 ล้านบาท และ KEYNE by Sansiri จำนวนทั้งสิ้น 216 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 1,900 ล้านบาท ให้ลูกค้าทยอยเข้าพักอาศัยได้เต็ม 100% แล้ว คาดปิดโอนคอนโดมิเนียมได้ตามเป้าหมายปี 56
นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสรุปยอดการโอนคอนโดมิเนียมในเดือนมิถุนายน 2556 นี้พบว่าลูกค้ามีการทยอยเข้าโอนรับมอบห้องพักอาศัยได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยขณะนี้บริษัทมีโครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการส่งมอบให้ลูกค้าเข้าอยู่อาศัยจริงจำนวนทั้งสิ้น 14 โครงการ รวมทั้งในปีนี้บริษัทยังมีเป้าหมายในการโอนส่งมอบโครงการคอนโดมิเนียม ที่พร้อมจะสร้างเสร็จและเตรียมพร้อมจะส่งมอบให้กับลูกค้าได้เข้าอยู่อาศัยอีกเป็นจำนวนถึง 11 โครงการ ทั้งนี้ล่าสุดบริษัทยังสามารถปิดการโอนอีก 2 โครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียมใจกลางเมืองได้เต็ม 100% เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ได้แก่ โครงการ PYNE by Sansiri (ไพน์ บาย แสนสิริ) คอนโดมิเนียมใจกลางเมืองย่านราชเทวีความสูง 42 ชั้นติดกับสถานีบีทีเอส ราชเทวี โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 298 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 2,100 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังสามารถปิดการโอนโครงการคอนโดมิเนียม KEYNE by Sansiri (คีนน์ บาย แสนสิริ) พรีเมียมคอนโดมิเนียมแบบไฮไรซ์ความสูง 28 ชั้น จำนวน 216 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 1,900 ล้านบาทซึ่งมีจุดเด่นที่เน้นความเป็นส่วนตัวสูงบนที่สุดของทำเลที่อยู่อาศัยที่นับเป็น Prime Area ของย่านสุขุมวิทอย่างแท้จริง
“สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียมทั้ง 2 โครงการนี้ นับว่ามีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบัน เนื่องมาจากความต้องการในการเข้าอยู่อาศัยที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง จนส่งผลให้โครงการ PYNE by Sansiri นั้นมีระดับราคา Re-Sales พุ่งสูงขึ้นไปสูงสุดถึง 40% ขณะที่ KEYNE by Sansiri นั้นมีลูกค้าทยอยเข้าอยู่อาศัยภายหลังการโอนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยังมีดีมานต์ความต้องการเช่าจากชาวต่างชาติสูง โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าเช่าชาวญี่ปุ่นซึ่งยังคงให้ความไว้วางใจในแสนสิริ อันเนื่องมาจากทำเลที่ตั้งซึ่งตอบโจทย์การอยู่อาศัยบนถนนสุขุมวิท ระหว่างซอยสุขุมวิท 34 – 36 ซึ่งเป็นทำเลที่อยู่ใจกลางย่านสุขุมวิท โดยอยู่ใกล้กับห้างสรรพสินค้าดิ เอ็มโพเรียม, เจ อเวนิว, มาร์เก็ตเพลส, เค วิลเลจ, วิลล่า มาร์เก็ตและร้านอาหารชื่อดังมากมายที่เป็นแหล่งรวมไลฟ์สไตล์การกิน ดื่ม เที่ยว ช้อปปิ้ง รวมถึงห้างสรรพสินค้า ดิ เอ็มโพเรียม สาขาใหม่ซึ่งเตรียมเปิดให้บริการในอนาคตซึ่งส่งผลให้ในย่านดังกล่าวนับเป็น Prime Area ของย่านสุขุมวิทอย่างแท้จริง รวมทั้งโครงการยังตั้งอยู่ห่างจากทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสทองหล่อเพียง 10 เมตรเท่านั้น” นายอุทัย กล่าว
นอกจากนี้ปัจจุบันบริษัทยังอยู่ระหว่างการส่งมอบคอนโดมิเนียมให้ลูกค้าทยอยเข้าอยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการ WYNE by Sansiri (วายน์ บาย แสนสิริ) ที่ปัจจุบันมียอดโอนแล้วประมาณ 70% จากจำนวนทั้งหมด 460 ยูนิต โครงการ TEAL by Sansiri (ทีลล์ บาย แสนสิริ) มียอดโอนแล้วกว่า 85% จากจำนวน 409 ยูนิต รวมถึงโครงการดีคอนโด รัตนาธิเบศร์ รวม 1,325 ยูนิตซึ่งสามารถโอนได้เต็ม 100% แล้ว
“การที่แสนสิริพัฒนาสินค้าในทำเลที่มีศักยภาพสูง มีจุดเด่นที่ชัดเจน สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้อย่างแท้จริง รวมถึงการส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพให้กับลูกค้าได้ตามกำหนดทำให้เกิดการเพิ่มความเชื่อมั่นในแบรนด์แสนสิริให้มากยิ่งขึ้น และเหนือสิ่งอื่นใดความมั่นใจและความรู้สึกเชิงบวกจากลูกค้าหนึ่งรายจะยังขยายผลไปสู่กลุ่มลูกค้าในรายต่อๆ ไปอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยในปีนี้บริษัทคาดว่าจะสามารถรักษาเป้าหมายในการโอนคอนโดมิเนียมให้แก่ลูกค้าได้ทยอยเข้าพักอาศัยจริงตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน” นายอุทัย กล่าว