กสิกรไทยพัฒนาความสำเร็จอีกหนึ่งขั้น เชื่อมต่อนักธุรกิจจีนให้เข้ามาลงทุนในไทย ย้ำจุดยืนเป็นศูนย์กลางการลงทุนของจีนสู่กลุ่มประเทศเออีซี ล่าสุดปล่อยกู้ 1,200 ล้าน ให้ซานตงหลิงหลงไทร์ ผู้นำในกลุ่มอุตสาหกรรมยางรถยนต์ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของจีน เพื่อลงทุนก่อสร้างโรงงานที่นิคมฯ เหมราช พร้อมดูแลทั้งด้านการเงินและองค์ความรู้ทางธุรกิจแบบครบวงจร
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทย ได้ให้การสนับสนุนสินเชื่อแก่บริษัท แอลแอลไอที (ประเทศไทย) จำกัด (LLIT (Thailand) Co.,Ltd.) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บริษัท ซานตงหลิงหลงไทร์ จำกัด (Shandong Linglong Tire Co., Ltd) ผู้ผลิตยางรายใหญ่ในประเทศจีน ในโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตยางรถยนต์ในประเทศไทย โดยในเฟสแรกธนาคารได้อนุมัติวงเงินสินเชื่อเพื่อการก่อสร้าง (P/N) และวงเงินเพื่อการซื้อเครื่องจักร (L/C,T/R) จำนวน 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 1,200 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ ยังมีโครงการที่ขยายการผลิตในเฟส 2 เพิ่มเติมอีกในอนาคต
สำหรับการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยของบริษัท แอลแอลไอที (ประเทศไทย) จำกัด เนื่องจากต้องการใช้ไทยเป็นฐานการผลิตยางรถยนต์รองรับตลาดในประเทศไทยซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของเอเซีย รวมถึงการส่งออกไปจำหน่ายในตลาดเออีซีและประเทศอื่น ๆ เนื่องจากไทยมีความพร้อมในเรื่องวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตยางรถยนต์อย่างพร้อมมูล นอกจากนั้นยังสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลจีนในการส่งเสริมให้นักธุรกิจจีนออกมาลงทุนในต่างประเทศ (Going-out Policy) เพื่อขยายตลาดและสร้างแบรนด์สินค้าจีนในตลาดโลกเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทำให้แนวโน้มการลงทุนจากจีนมาสู่ประเทศไทยมีการเติบโตที่สูงขึ้นจากการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในอีก 2 ปีข้างหน้า
ธนาคารกสิกรไทยมียุทธศาสตร์สำคัญในการสนับสนุนการลงทุนให้กับนักธุรกิจจีนในประเทศไทย คือ มุ่งขยายการให้บริการในประเทศจีน การส่งเสริมเศรษฐกิจการค้าระหว่างไทย-จีน และการพัฒนาบริการแก่ลูกค้าชาวจีนที่เข้ามาในประเทศไทย ด้วยการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางและให้บริการทางการเงินแบบครบวงจร ซึ่งครอบคลุมลูกค้าจีนในทุกกลุ่ม ภายใต้ความต้องการในการทำธุรกิจของชาวจีนที่เข้ามาลงทุนในไทย ในด้านการเงิน ด้านองค์ความรู้ทางธุรกิจ และให้บริการเป็นภาษาจีนเพื่อลูกค้าชาวจีนโดยเฉพาะ
นอกจากนี้ ด้วยศักยภาพของธนาคารกสิกรไทย ซึ่งมีฐานลูกค้าขนาดใหญ่และครอบคลุมหลายธุรกิจ จึงมีความพร้อมในการต่อยอดธุรกิจจีนในประเทศไทย ผ่านการจับคู่ทางธุรกิจแก่นักลงทุนจีน (Business Matching) ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนจีนพบคู่ค้าที่มีศักยภาพ ไว้วางใจได้ และอยู่ในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องตลอดทั้งวงจรการผลิตจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ ซึ่งจะเป็นการขยายโอกาสในการเติบโตเข้าถึงกลุ่มตลาดลูกค้าชาวไทย และสามารถดำเนินธุรกิจในประเทศไทยได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
นายบัณฑูร กล่าวในตอนท้ายว่า ความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างกันในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือที่สำคัญที่ธนาคารกสิกรไทยพร้อมจะอำนวยความสะดวกด้วยบริการทางการเงินที่ครบถ้วนทั้งในประเทศไทยและประเทศจีน โดยมีความพร้อมในทุกด้านที่จะสนับสนุนการต่อยอดธุรกิจของลูกค้าในประเทศไทยในสายของอุตสาหกรรมยางรถยนตร์ตลอดทั้งวงจรธุรกิจ ด้วยข้อตกลงด้านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางธุรกิจระหว่างกันนี้ นอกจากจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่พันธมิตรทั้งสองฝ่ายแล้ว ยังจะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมยางรถยนต์ในประเทศไทย รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศอีกด้วย
ด้านนายหวัง เฟิง ประธานกรรมการ บริษัท ซานตงหลิงหลงไทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ซานตงหลิงหลงไทร์ มีประสบการณ์ในการผลิดยางรถยนต์มากว่า 37 ปี ปัจจุบันเป็นบริษัทผลิตยางรถยนต์ขนาดใหญ่ที่สุด 1 ใน 3 ในประเทศจีน และติดอันดับ 1 ใน 20 ผู้ผลิตยางรถยนต์ของโลก มีผลิตภัณฑ์หลากหลายยี่ห้อ หลากหลายรูปแบบ กว่า 3,000 ชนิด ทั้งรถเก๋ง ยางรถบัส รถบรรทุก ส่งขายใน 160 ประเทศทั่วโลก ด้วยยอดขายในปี 2555 ราว 10,061.18 ล้านหยวน
สำหรับการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยด้วยการดำเนินธุรกิจในนามบริษัท แอลแอลไอที (ประเทศไทย) จำกัด หรือ LLIT (Thailand) Co.,Ltd โดยมี บจก.ซานตงหลิงหลงไทร์ หรือ Shandong Linglong Tire Co., Ltd (SDLL) ถือหุ้น 99.98% ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานบนเนื้อประมาณ 330 ไร่ ที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราช คาดว่าจะเสร็จในช่วงปลายปี 2556 โดยได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ มีกำลังผลิตยางรถยนต์ประเภทต่าง ๆ รวมประมาณ 12 ล้านเส้นต่อปี และจะมีขยายการผลิตเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยเน้นการผลิตและจัดจำหน่ายยางประเภทเซมิสตีลเรเดียล (Semi-Steel Radial Tire) และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวกับยาง จำหน่ายผ่านเครือข่ายศูนย์บริการยางรถยนต์ชั้นนำ และร้านจำหน่ายยางรถยนต์ทั่วไป