ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด เผยว่า ไอบีเอ็ม ได้ทำข้อตกลงเพื่อเข้าซื้อกิจการของทรัสเทียร์ (Trusteer) ผู้นำด้านซอฟต์แวร์ความปลอดภัยด้านข้อมูลสารสนเทศ เชี่ยวชาญด้านการป้องกันปัญหาการฉ้อโกงทางการเงินและภัยคุกคามความปลอดภัยขั้นสูง การเข้าซื้อกิจการของทรัสเทียร์ นับเป็นส่วนหนึ่งในแผนการลงทุนของไอบีเอ็มสำหรับซอฟต์แวร์และบริการที่นำเสนอบนระบบคลาวด์
พร้อมกันนี้ ไอบีเอ็ม ยังประกาศจัดตั้งห้องปฏิบัติการซอฟต์แวร์ด้านการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ในประเทศอิสราเอล เพื่อเปิดโอกาสให้นักวิจัยและนักพัฒนาของทรัสเทียร์และไอบีเอ็มกว่า 200 คนมุ่งเน้นการศึกษาเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับอุปกรณ์โมบายล์และแอพพลิเคชั่น รวมไปถึงภัยคุกคามขั้นสูง มัลแวร์ การป้องกันการฉ้อโกง และอาชญากรรมด้านการเงิน ห้องปฏิบัติการดังกล่าวจะเสริมสร้างศักยภาพให้กับศูนย์วิจัยและพัฒนาที่ไอบีเอ็มมีอยู่ในอิสราเอล
ทรัสเทียร์ ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ที่บอสตัน และเทล อาวีฟ ช่วยให้องค์กรต่างๆ หลายร้อยแห่ง รวมถึงสถาบันการเงินมากมาย ปกป้องเว็บแอพพลิเคชั่น คอมพิวเตอร์ของพนักงานและลูกค้า รวมไปถึงอุปกรณ์พกพา ให้รอดพ้นจากภัยคุกคาม อาชญากรในโลกไซเบอร์มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการสร้างและปรับใช้เทคนิคการโจมตี เพื่อหลบเลี่ยงระบบควบคุมด้านความปลอดภัยที่มีอยู่
ซอฟต์แวร์ของทรัสเทียร์สามารถระบุภัยคุกคามด้านความปลอดภัย ซึ่งมักจะเล็ดลอดการตรวจจับของซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยรุ่นเก่า ตัวอย่างเช่น เพื่อให้ลูกค้าของธนาคารสามารถโอนเงินผ่านอุปกรณ์โมบายล์ได้อย่างปลอดภัย ซอฟต์แวร์ของทรัสเทียร์จะตรวจจับมัลแวร์ที่สามารถแพร่กระจายบนสมาร์ทโฟน และแจ้งให้ธนาคารดำเนินมาตรการที่เหมาะสมอย่างทันท่วงทีเพื่อป้องกันพฤติกรรมที่อาจเข้าข่ายฉ้อโกงและอายัดบัญชีก่อนที่จะมีการทำธุรกรรมเกิดขึ้น ธนาคารชั้นนำของสหรัฐฯ 7 ใน 10 แห่ง และธนาคารชั้นนำของอังกฤษ 9 ใน 10 แห่งใช้โซลูชั่นของทรัสเทียร์ เพื่อคุ้มครองบัญชีของลูกค้าให้ปลอดภัยจากการฉ้อโกงด้านการเงินและการโจมตีทางไซเบอร์
“ความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำของทรัสเทียร์ในด้านการปกป้องอุปกรณ์เชื่อมต่อระดับองค์กรและการป้องกันมัลแวร์ขั้นสูงจะช่วยให้ลูกค้าของเราในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมต่อสู้กับภัยคุกคามใหม่ๆ ได้อย่างเหมาะสม” เบรนแดน ฮันนิแกน ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายระบบรักษาความปลอดภัยของไอบีเอ็ม กล่าว “และด้วยความสามารถของไอบีเอ็มในการตรวจจับภัยคุกคาม การวิเคราะห์ และการแก้ไขปัญหาอย่างเหนือชั้น เราจึงสามารถนำเสนอมาตรการเพิ่มเติมหลากหลายระดับเพื่อต่อสู้กับผู้โจมตีที่ใช้เทคนิคขั้นสูง”
“แนวทางการปกป้องข้อมูลในองค์กรต่างๆ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว” มิคกี้ บูดาอี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของทรัสเทียร์ กล่าว “ปัจจุบัน การโจมตีมีความซับซ้อนมากขึ้น ดังนั้นแนวทางแบบเดิมๆ สำหรับการปกป้องข้อมูลในองค์กรและข้อมูลบนอุปกรณ์พกพาจึงไม่สามารถใช้การได้อีกต่อไป ทรัสเทียร์ช่วยให้ธนาคารและองค์กรหลายร้อยแห่งทั่วโลกรับมือกับการโจมตีขั้นสูงหลายพันครั้ง โดยใช้นวัตกรรมโซลูชั่นที่ผสานรวมเทคโนโลยีด้านระบบงานอัจฉริยะ, คลาวด์, โมบายล์ และเดสก์ท็อป”
เทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญจากทรัสเทียร์จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์ระบบรักษาความปลอดภัยของไอบีเอ็มมีดังนี้ :
บริการด้านการรักษาความปลอดภัยที่นำเสนอผ่านระบบคลาวด์
โซลูชั่นการรักษาความปลอดภัยที่นำเสนอผ่านระบบคลาวด์โดยทรัสเทียร์จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับโซลูชั่นซอฟต์แวร์ในรูปแบบบริการ (Software as a Service – SaaS) กว่า 100 รายการที่ไอบีเอ็มนำเสนอ นอกเหนือจากโซลูชั่นไอทีแบบเดิมๆ แล้ว ทรัสเทียร์ยังใช้ประโยชน์จากสถาปัตยกรรม SaaS เพื่อให้พีซี, เดสก์ท็อป, สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตที่ได้รับการปกป้องสามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วเพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามใหม่ๆ เนื่องจากซอฟต์แวร์ของทรัสเทียร์สามารถนำเสนอผ่านระบบคลาวด์ ดังนั้นองค์กรจึงได้รับข้อมูลอัพเดตที่ถูกต้องแม่นยำในแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับภัยคุกคามล่าสุด เพื่อให้ปกป้องข้อมูลจากการฉ้อโกงและความเสี่ยงได้ดีกว่า
ป้องกันการฉ้อโกงอย่างครบวงจรและป้องกันภัยคุกคามต่อเนื่องในระดับสูง
ระบบป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ของทรัสเทียร์สามารถปรับขนาดอย่างเหมาะสมเพื่อปกป้องอุปกรณ์เชื่อมต่อหลายสิบล้านเครื่อง รวมถึงสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ทั้งนี้ หนึ่งในเป้าหมายหลักของการโจมตีด้วยมัลแวร์ก็คือ อุปกรณ์เชื่อมต่อของผู้ใช้ทั่วไป ตัวอย่างเช่น มัลแวร์ที่ติดตั้งบนพีซีหรือสมาร์ทโฟนของลูกค้าธนาคารจะสามารถสร้างธุรกรรมปลอมแปลง นอกจากนั้น มัลแวร์และฟิชชิ่งจะช่วยให้ผู้โจมตีสามารถโจรกรรมข้อมูลรับรองและข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ อย่างไรก็ดี หากใช้โซลูชั่นจากทรัสเทียร์ ก็จะสามารถระบุและขจัดมัลแวร์ด้านเงินและกิจกรรมการฉ้อโกงได้
การเข้าซื้อกิจการของทรัสเทียร์จะช่วยเสริมสร้างกลุ่มผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์และบริการที่ก้าวล้ำของไอบีเอ็มสำหรับการป้องกันการฉ้อโกง เช่น QRadar, i2, SPSS, InfoSphere และ Enterprise Content Management โดยเทคโนโลยีเหล่านี้มอบระบบวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคาดการณ์ เนื้อหา และการตรวจสอบ เพื่อป้องกันและแก้ไขกรณีของการฉ้อโกงสำหรับองค์กรภาครัฐและเอกชน
ช่วยคุ้มครองการทำธุรกรรมผ่านอุปกรณ์โมบายล์
ในกลุ่มสถาบันการเงินชั้นนำ 25 แห่งของสหรัฐฯ ราวครึ่งหนึ่งนำเสนอบริการโอนเงินผ่านอุปกรณ์พกพาไปยังบัญชีของบุคคลอื่น รวมถึงการฝากเงินผ่านอุปกรณ์พกพา โดยตัวเลขการทำธุรกรรมดังกล่าวเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้ส่งผลให้ช่องทางโมบายล์กลายเป็นเป้าหมายของการลักลอบใช้บัญชีธนาคาร โดยอาศัยข้อมูลรับรองที่ขโมยมาจากลูกค้าโดยใช้วิธีการหลอกล่อหรือฟิชชิ่ง (Phishing) และมัลแวร์ เทคโนโลยีของทรัสเทียร์จะช่วยป้องกันการลักลอบใช้บัญชีธนาคาร ตรวจจับอุปกรณ์ที่มีความเสี่ยง สร้างระบบลายนิ้วมือที่ซับซ้อนสำหรับอุปกรณ์ และพัฒนาฐานข้อมูลการฉ้อโกงทั่วโลก
ห้องปฏิบัติการซอฟต์แวร์ด้านการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์
นอกจากนี้ ไอบีเอ็มมีแผนที่จะรวมทีมงานฝ่ายวิจัยและพัฒนาด้านซอฟต์แวร์การรักษาความปลอดภัยของไอบีเอ็มในอิสราเอลเข้ากับทีมงานฝ่ายวิจัยและพัฒนาของทรัสเทียร์ในกรุง เทล อาวีฟ เพื่อจัดตั้งห้องปฏิบัติการซอฟต์แวร์ด้านการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ของไอบีเอ็ม (IBM Cybersecurity Software Lab) โดยห้องปฏิบัติการดังกล่าวจะมุ่งเน้นเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับอุปกรณ์พกพาและแอพพลิเคชั่น รวมไปถึงการตรวจจับการฉ้อโกงและมัลแวร์ขั้นสูง ผลงานวิจัยและความเชี่ยวชาญระดับโลกของทรัสเทียร์ในด้านระบบงานอัจฉริยะเกี่ยวกับการฉ้อโกงและมัลแวร์จะช่วยให้องค์กรต่างๆ ได้รับการปกป้องอย่างเหมาะสมท่ามกลางสภาวะภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง โดยอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมมาจากอุปกรณ์เชื่อมต่อกว่า 30 ล้านเครื่องทั่วโลก และใช้ระบบวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) เพื่อจัดเตรียมข้อมูลข่าวกรองแบบเรียลไทม์ที่สามารถนำไปใช้งานในทางปฏิบัติได้ โดยจะรวมเข้ากับผลิตภัณฑ์และบริการด้านการรักษาความปลอดภัยของไอบีเอ็ม