ผ่าแผน “ไป่ตู้” ขยายตลาดไทย ส่ง 4 แอปฯ รองรับสมาร์ทโฟนโต

ตลาดไทยหอมหวล “ไป่ตู้” เสิร์ชเอ็นจิ้นจากจีน หลังทำตลาดไทยครบ 1 ปี ชักธงรบอีกรอบ เตรียมส่ง แอปพลิเคชั่นบนมือถือ รองรับสมาร์ทโฟนไทยโต ส่วนตลาดเสิร์ช ขอทำการบ้านก่อนลงตลาดสู้ศึกกูเกิ้ล

“ไป่ตู้” ยักษ์ใหญ่ด้านเสิร์ชเอ็นจิ้นจากประเทศจีน และเป็นเสิร์ชเอ็นจิ้นอันดับ 2 ของโลกรองจากกูเกิ้ล มีผู้ใช้อยู่ 600 ล้านคนทั่วประเทศจีน จากการใช้ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์พีซี และใช้บริการจากมือถือ 200 ล้านคน และมีจำนวนการเสิร์ชในประเทศจีนถึง 5,000 ล้านครั้ง / วัน เข้ามาทำตลาดในไทยได้ 1 ปีเต็ม

ไป่ตู้ เริ่มเข้ามาทำตลาดในเมืองไทย ในเดือนตุลาคมปี 2012 แม้จะได้ชื่อว่า เป็นเว็บผู้นำด้านเสิร์ชเอ็นจิ้นจากจีน แต่บริการที่ พระเอกของไป่ตู้ในประเทศไทย กลับเป็นผลิตภัณฑ์อย่าง PC Faster คือซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้คอมพิวเตอร์ทำงานเร็วขึ้น จะช่วยลดไฟล์ขยะ และเพิ่มพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ของคอมพิวเตอร์ มีผู้ใช้ทั้งหมด 2 ล้านคนในปี 2012 และในปี 2013 มีผู้ใช้เพิ่มขึ้นเป็น 5 ล้านคน มีอัตราการเติบโตถึง 150%

จากตัวเลขการการเติบโตและจำนวนผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ ไป่ตู้เ ร่งพัฒนาบริการและรุกตลาดประเทศไทยมากขึ้นจากเดิมมีเพียง 4 บริการบนเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีเท่านั้น ได้เพิ่มขึ้นเป็น 8 บริการเพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในไทย และการใช้อินเตอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือมากขึ้นด้วย

8 บริการของไป่ตู้จะแบ่งออกเป็น ใช้บริการบนเครื่องพีซี 4 บริการ คือ PC Faster, Antivirus, Spark Browser และ Hao123 ซึ่งมียอดรวมผู้ใช้ทั้ง 4 ตัว อยู่ที่ 10 กว่าล้านคน คิดเป็น 65% ของคนใช้อินเตอร์เน็ตในประเทศไทย และล่าสุดไป่ตู้มีรายได้ที่มาจากมือถือถึง 15% ทั่วโลก ส่งผลให้ไป่ตู้เตรียมส่งแอพพลิเคชั่นโทรศัพท์มือถืออีก 4 บริการ คือ DU Battery Saver, DU Speed Booster, Baidu Browser และ PhotoWonder แอพลิเคชั่นแต่งภาพ โดยจะเปิดให้บริการในไทยช่วงปลายปี 2013

ริชาร์ด ลี ผู้อำนวยการฝ่ายต่างประเทศ กล่าวว่า “เมืองไทยเป็นประเทศที่เราให้ความสำคัญมาก รวมถึงประเทศรอบๆ ด้วย ไทยเป็นประเทศที่มีอัตราการเจริญเติบโตของอินเตอร์เน็ต มีความมั่นคงของประเทศ มองดูแล้วอาจจะมีเรื่องมีราวบ้าง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม กัมพูชาก็ถือว่าดีกว่า และก็มีการเจริญเติบโตของ GDP ซึ่งเราดู 3 ส่วนนี้เป็นหลัก แล้วมันโอเค และอีกสิ่งหนึ่งที่เพิ่งมองเห็นเหมือนกันคือคนไทยเริ่มเปิดรับโปรดักส์จากจีนมากขึ้น เป็นมิตรมากขึ้น เลยเป็นโอกาสในการทำตลาดในไทยมากขึ้น”

สำหรับกลยุทธ์ในการทำตลาดในประเทศไทย จะยึดหลัก 3 ด้าน
1. สรรหาการบริการที่ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคให้มากที่สุด โดยการศึกษาพฤติกรรมผู้ใช้ของแต่ละที่ว่าเขาต้องการอะไร
2. ทำโปรดักส์ให้มี Localization คือมีภาษาไทย และยังมี Customer Service ที่เป็นคนไทยคอยตอบปัญหา
3. มีพาร์ทเนอร์ ในเมืองไทยไปตู้มีพาร์ทเนอร์อยู่ 45 ราย เป็นเอเจนซี่ เว็บไซต์ และแบรนด์ต่างๆ

พาร์ทเนอร์เป็นส่วนสำคัญของไป่ตู้ในการทำตลาดในประเทศไทย ทั้งในส่วนของเว็บไซต์ Hao123 ซึ่งเป็นเว็บลิงค์ ที่ มีพาร์ทเนอร์เป็นเว็บไซต์ต่างๆ เช่น เว็บไซต์ Sanook, Kapook, Mthai, Pantip ซึ่งต้องพึ่งพาพาร์ทเนอร์มากๆ ในการสรรหาคอนเท้นส์ต่างๆ

ส่วนซอร์ฟแวร์ก็ต้องมีพาร์ทเนอร์เช่นกัน เพราะไป่ตู้มี PC Appstore ได้จับมือกับโปรแกรม Antivirus NOD32 จัดโปรโมชั่น เมื่อลง PC Faster ก็ได้ลงโปรแกรม NOD 32 ฟรี 6 เดือน ซึ่งได้รับการตอบรับค่อนข้างดี เพราะคนไทยยังไงก็ต้องมีโปรโมชั่นจูงใจ

ชูตลาดจีนดึงดูดแบรนด์ไทย

ในปี 2014 ไ ป่ตู้มีแผนทำ Baidu Marketing ให้กับเจ้าของแบรนด์เมืองไทย ที่ต้องการทำตลาดที่จีน สามารถติดต่อไป่ตู้ไทยแลนด์เพื่อทำการตลาด โดยเหมาะกับธุรกิจโรงแรม และการท่องเที่ยว ซึ่งไป่ตู้จะมีโปรโมทและมีการจัดสัมมนากับพาร์ทเนอร์ หรือองค์กรต่างๆ ในประเทศไทยให้รู้จักมากขึ้น ถือเป็นการสร้างโอกาสให้แก่ธุรกิจของไทยเพราะจากการเสิร์ชของคนจีนประมาณ 5,000 ล้านครั้งต่อวัน 10% จะมีการเสิร์ชเกี่ยวกับแบรนด์

ทางไป่ตู้เองมีการวิจัยถึงพฤติกรรมการเสิร์ชข้อมูลของคนจีนและคนยุโรปไว้ โดยพฤติกรรมการเสิร์ชของคนจีนจะชอบมองคอนเท้นส์ทั้งหมด และลองกดเข้าไปทุกเว็บไซต์ อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 25 ปี ส่วนทางชาวตะวันตกจะนิยมมองคอนเท้นส์แต่ด้านบนๆ และถ้ายังไม่ได้ข้อมูลที่อยากได้ก็จะเสิร์ชไปใหม่เรื่อยๆ อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 35 ปี

เตรียมเปิดบริการเสิร์ช แข่งกูเกิล

ชฎากร ธนสุวรรณเกษม เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานในประเทศไทย เปิดเผยถึงกลยุทธ์ในการแข่งขันในวงการเสิร์ชเอ็นจิ้นว่า “ไป่ตู้มีแผนที่จะเปิดเว็บเสิร์ชเอ็นจิ้นในประเทศไทย แต่คนไทยก็ยังนิยมใช้เว็บไซต์ Google อยู่ถึง 90% เราเป็นอันดับสองของโลก จึงต้องทำการบ้านอย่างหนัก โดยมีกลยุทธ์อยู่ 3 อย่างด้วยกัน สิ่งแรกคือไป่ตู้ต้องทำความเข้าใจกับคอนเท้นส์เว็บไซต์ และต้องเป็นคอนเท้นส์ที่ตอบโจทย์กับการค้นหาของผู้ใช้

อย่างที่สอง ต้องเข้าใจเรื่องคน เนื่องจากพฤติกรรมการเสิร์ชของแต่ละประเทศต่างกัน เข้าใจความรู้สึกของผู้ใช้งานมากขึ้น เช่น คำว่า “512” ในเมืองไทยจะคุ้นเคยว่าเป็นวันพ่อแห่งชาติ แต่ถ้าเสิร์ช 512 ในสหรัฐอเมริกาจะหมายถึงรถเฟอร์รารี่รุ่น 512 และถ้าเสิร์ชในประเทศจีนจะหมายถึงวันที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ เพียงแค่คำเดียว แต่คนละประเทศผลลัพท์ก็ไม่เหมือนกันแล้ว ต้องดูว่าคนเสิร์ชคิดอะไรอยู่ ต้องทำการวิจัย เข้าใจมากขึ้น

สุดท้ายเราก็มีระบบอะลาดิน เป็นการนำเสนอข้อมูลที่เสิร์ชได้ ณ ตรงนั้น ไม่ต้องเปลี่ยนหน้าจอ ทำให้ใช้สะดวกมากขึ้น เช่น ถ้าเสิร์ชเกมส์แองกรี้เบิร์ด ก็สามารถกดเล่นเกมส์ได้ที่หน้าจอนั้นเลย ไม่ต้องกดลิงค์เพื่อไปหน้าจอใหม่

เป้าหมายของไป่ตู้คือจะรักษาตำแหน่งการเป็นผู้นำการใช้เสิร์ชเอ็นจิ้นในประเทศจีน แต่ขยายออกไปในประเทศอื่นๆ โดยเป็นภาษาท้องถิ่นประเทศนั้นๆ ด้วย สร้างฐานผู้ใช้มากขึ้น พยายามขยายการบริการออกไปให้กับประชากรทั่วโลกอีก 50%”

ไป่ตู้ เป็นบริษัทจีน ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น NASDAQ 100 ในปี 2005 มีมูลค่าในตลาดอยู่ที่ 53,000 เหรียญสหรัฐ รายได้ในปี 2012 อยู่ที่ 3.58 พันล้าน มีอัตราการเติบโต 53.8%

ที่ผ่านมาขยายตลาดออกไปทั่วโลก ในภูมิภาคเอเชียมีประเทศญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ เวียดนาม, อินโดนิเซียและไทย ในส่วนของตะวันออกกลางและแอฟริกาตอนเหนือมีประเทศอิยิปต์, ซาอุดิอาระเบีย และสหรัฐอาหรับแอมิเรต และในลาตินอเมริกาจะมีประเทศบราซิล ซึ่งประเทศต่างๆ เหล่านี้ไป่ตู้ยังคงใช้กลยุทธ์ Localization เหมือนกันทุกที่ คือ เป็นภาษาท้องถิ่น และในอนาคตมีความสนใจขยายตลาดออกไปประเทศแม็กซิโก อาร์เจนติน่า และมาเลเซีย