เคเอฟซี ขยายช่องทางสาขา “ไดร์ฟทรู” ด้วยโมเดล “สแตนอโลน (Stand Alone)” เพื่อตอบสนองความต้องการ และเพิ่มความสะดวกสบายแก่ผู้บริโภค ด้วยพฤติกรรมการรับประทานอาหารของผู้บริโภคเปลี่ยนไป สาเหตุหนึ่งเกิดจากการขยายตัวของเมืองใหญ่ และวิถีการใช้ชีวิตในเมืองก็เร่งรีบขึ้นด้วย โดยไดร์ฟทรูสาขานี้ตั้งอยู่ที่สาขาถนนศรีนครินทร์ เป็นสาขาแรกของประเทศไทย ในพื้นที่ Stand Alone เนื้อที่ 400 ตร.ม. นับเป็นการก้าวเท้าออกมาจากพื้นที่ช้อปปิ้งมอลล์แล้วเปิดพื้นที่ของตัวเองแบบ 24 ชั่วโมงเป็นครั้งแรกของเคเอฟซีเลยก็ว่าได้ แต่หลายคนอาจเคยเห็นสาขาไดร์ฟทรูมาบ้างแล้วโดยมี 4 สาขา แต่จะอยู่ในปั๊มปตท. ได้แก่ สาขาปตท. วังมะนาว, สาขาปตท. แหลมฉบัง ขาออก, สาขาปตท. แหลมฉบัง ขาเข้า และสาขาปตท. ราชพฤกษ์ 4 ทั้ง 4 สาขานี้ยังมีข้อจำกัดที่ตั้งอยู่ในปั๊มน้ำมัน และไม่ติดริมถนน ทำให้ไม่ค่อยสะดวกเท่าที่ควร จึงเลือกยุทธศาสตร์ใหม่แบบ Stand Alone และเพิ่ม Drive Thru เข้ามาควบคู่ ซึ่งเคเอฟซีคาดหมายว่า จะสามารถเพิ่มยอดขายได้ถึง 30% โดยสัดส่วนลูกค้าที่มานั่งทานในร้าน 75% และไดร์ฟทรู 25% เมื่อเปิดเป็นพื้นที่ของตัวเองชั่วโมงการให้บริการก็เพิ่มมากขึ้นเป็น 24 ชั่วโมง จากเดิมที่ต้องเปิดปิดบริการตามเวลาห้างสรรพสินค้าซึ่งปกติจะอยู่ที่เวลา 10.00 – 22.00 น. และที่สำคัญคู่แข่งทางธุรกิจน้อยลง แววคนีย์ อัสโสรัตน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ไดร์ฟทรูเป็นอะไรที่คู่ธุรกิจ QSR อยู่แล้ว ในต่างประเทศจะเป็นสัดส่วนระหว่างทานในร้านกับไดร์ฟทรู 50 : 50 ย แต่ในประเทศไทยถ้าพูดถึงร้านไดร์ฟทรูเทียบกับจำนวน QSR ทั้งหมด ยังมีไม่ถึง 10% เรียกว่ายังน้อยมาก ซึ่งยังมีโอกาสเติบโตอีกเยอะ และไม่ถึงว่ามาช้าไป เพราะยังเติบโตได้อีก “เคเอฟซี พยายามผลักดันไปมากกว่านี้ แต่ยังมีข้อจำกัดเยอะอยู่ การที่จะหาไซส์พื้นที่ให้ได้มากขนาดนี้ เรื่องการเช่า การขออนุญาตในการสร้างให้มันลงตัว มันไม่เหมือนกับช้อปปิ้งมอลล์ที่มีผู้บริหารอยู่แล้ว เราแค่เลือกที่และตกลงทำราคาเช่า มันจึงยากกว่าในการโฟกัส ใช้ทีมในการทำมากกว่า อีกทั้งเงินลงทุนยังมากกว่าอีก 2 เท่า แต่ละสาขาต้องใช้ลงทุนประมาณ 40 ล้านบาท”