แม็คโคร เดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่อง เปิดสาขาชุมแพ รองรับการเติบโตเศรษฐกิจในพื้นที่

แม็คโคร รองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจอำเภอชุมแพ เดินหน้าขยายสาขาที่ 61 ตอบสนองความต้องการ และสนับสนุนผู้ประกอบการในพื้นที่ให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างมีผลกำไร สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน เผยผู้ประกอบการให้การตอบรับอย่างเนืองแน่น

นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ศูนย์ค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคครบวงจรในระบบสมาชิกรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย “แม็คโคร” เปิดเผยว่า “อำเภอชุมแพ เป็นอำเภอที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว และถือเป็นศูนย์กลางการคมนาคมของภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกแห่งหนึ่ง ส่งผลให้ธุรกิจของผู้ประกอบการในชุมแพ ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แม็คโคร สาขาชุมแพ จึงเป็นทางเลือกสำหรับผู้ประกอบการในพื้นที่ ได้ซื้อสินค้าที่หลากหลาย ครบครัน มีคุณภาพดี ในราคาที่ซื้อไปขายต่อ หรือแปรรูป เพื่อทำกำไรในธุรกิจได้ ลดต้นทุนในการเดินทาง ไม่จำเป็นต้องสต๊อกสินค้า ทำให้ผู้ประกอบการ สามารถบริหารเงินทุนหมุนเวียน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

แม็คโคร สาขาชุมแพ จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคครบวงจร บนพื้นที่ขายกว่า 7,000 ตารางเมตร จำหน่ายสินค้าบริโภค อาหารแห้ง อาหารสด อาหารแช่แข็ง สินค้าอุปโภค และและเครื่องใช้ไฟฟ้า มากกว่า 12,000 รายการ ให้แก่สมาชิกซึ่งเป็นผู้ประกอบการร้านค้าปลีกรายย่อย ร้านโชห่วย ร้านอาหาร และธุรกิจที่พักโรงแรม รีสอร์ท ในพื้นที่ ให้มีแหล่งเลือกซื้อสินค้าที่หลากหลาย ครบครัน มีคุณภาพดี ในราคาที่สามารถซื้อไปขายต่อ หรือแปรรูปเพื่อทำธุรกิจได้อย่างมีกำไร

แม็คโครมีนโยบายในการร่วมพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ด้วยการชำระภาษีต่างๆ ให้กับท้องถิ่นตามกฎหมาย การจ้างพนักงานซึ่งเป็นคนในพื้นที่กว่า 190 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 72 ของพนักงานในสาขา การรับซื้อผลผลิตทางการเกษตร อาทิ เห็ดจากกลุ่มเพื่อนผู้ปลูกเห็ดชาวชุมแพ เพื่อนำมาจำหน่ายที่แม็คโคร พร้อมกันนี้แม็คโครยังได้ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ มอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนโรงเรียนกุดเข้ห้วยบงวิทยานุกูล และโรงเรียนเทศบาล1 รวม 15 ทุน อีกด้วย”

“นอกจากนี้ แม็คโครยังให้การสนับสนุนธุรกิจของผู้ประกอบการร้านค้าปลีก ให้คำปรึกษาด้านการบริหารจัดการให้กับร้านโชห่วย ทั้งที่เป็นสมาชิกแม็คโครและผู้สนใจทั่วไป โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ภายใต้โครงการ “แม็คโคร มิตรแท้โชห่วย” ทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของผู้ประกอบการและสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน” นางสุชาดา กล่าวสรุป