เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ เปิดตัว “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” พรีเซ็นเตอร์ผู้ชายเป็นครั้งแรก หลังจากวางตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชั่นนอลดริ้งค์ จับกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงมา 8 ปี
ด้วยแนวคิดสื่อสารผ่านพรีเซ็นเตอร์ผู้ชาย ที่เซปเป้มองว่า เพศตรงข้ามสามารถสร้างแรงดึงดูดได้ดีกว่าเพศเดียวกัน จึงใช้อนันดาเป็นแรงบันดาลใจให้สาวๆ ดูแลตนเองให้ดูดี และน่าสนใจเพื่อสะกดชายในฝันของพวกเธอ
นอกจากนี้ การเลือกใช้อนันดายังช่วยภาพลักษณ์ให้บิวติ ดริ้งค์ดูพรีเมี่ยมมากขึ้น เพราะด้วยคาแร็คเตอร์ของอนันดาไม่ได้แมสจนเกินไป
อนันดานับว่าเป็น “พรีเซ็นเตอร์คนที่ 3” ของเซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ ที่ต้องฉีกแนวเดิม จากเดิมที่เคยใช้พรีเซ็นเตอร์ผู้หญิงมาตลอด
โดยพรีเซ็นเตอร์คนแรกคือ “แพนเค้ก เขมนิจ” ในปี 2552 เพื่อตัวแทนผู้หญิงที่ดูดี หุ่นเป๊ะ และเป็นช่วงที่เซ็ปเป้ออกรสชาติใหม่คือ ไฟเบอร์ ซึ่งแพนเค้กสามารถสร้าง Awareness ได้อย่างดี เพราะมีคาแร็คเตอร์ที่แมสอยู่พอสมควร
หลังจากนั้นในช่วงปี 2555 เซปเป้ได้เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ 5 สาว “จ๋า กระแต โบวี่ เนย และซี” ซึ่งมาพร้อมแคมเปญสถิติความสวย ให้ 5 สาวเป็นตัวแทนของบิวติ ดริ้งค์ทั้ง 5 รสชาติ 5 สไตล์ ทั้งสาวเท่ สาวเซ็กซี่ สาวหวาน
ทั้งนี้ก็ยังคงมีคำถามตามมาว่า ผู้บริโภคจะเกิดความสับสนกับการสื่อสารของพรีเซ็นเตอร์ผู้ชาย แล้วเข้าใจผิดว่าเป็นน้ำดื่มสำหรับผู้ชายหรือเปล่า เพราะจากกรณีศึกษาของฟังก์ชั่นนอลดริ้งค์อีกแบนด์ในตลาด “บีอิ้ง” เคยใช้พรีเซ็นเตอร์เป็น “เวียร์ ศุกลวัฒน์” นักแสดงวิกหลากสี แต่ปรากฎว่า ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก เพราะผู้บริโภค เข้าใจว่าเป็นเครื่องดื่มสำหรับผู้ชาย
อดิศักดิ์ รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ก่อนทำแคมเปญนี้ก็ได้สำรวจความเห็นผู้บริโภคที่มีต่อพรีเซ็นเตอร์ผู้ชาย ซึ่ง ผู้บริโภคให้การตอบรับค่อนข้างดี ประกอบกับเซปเป้เองเองก็มีแนวทางในการตลาดแปลกใหม่ๆ อยู่แล้ว และบิวติ ดริงก์เองก็เป็นที่รู้จักในตลาด เชื่อมั่นว่าจะไม่ทำให้ผู้บริโภคเกิดความสับสน
การเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ผู้ชายในครั้งนี้ ทางเซ็ปเป้ไม่ได้มีแผนแตกไลน์ฟังก์ชั่นนอลดริ้งค์สำหรับผู้ชายอีกครั้งอย่างแน่นอน เนื่องจากไม่ต้องการแข่งขันกับ “แมนซั่ม” ของคู่แข่งที่ประสบความสำเร็จพอสมควร
แต่จะเป็นบิ๊กแคมเปญประจำปี ที่เซปเป้ ทุ่มงบการตลาด 100 ล้านบาท จากงบการตลาดที่ตั้งไว้ทั้งปีที่กว่า 200 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 10% ของรายได้ โดยที่ครึ่งปีแรกยังใช้งบการตลาดไม่ถึง 50% เพราะไม่มีการออกแคมเปญใหญ่ๆ
ส่วนรายได้รวมของบริษัทคาดว่าจะเติบโต 25% คิดเป็นรายได้รวม 3,000 ล้านบาท ขายในประเทศ 60% มาจากเครื่องดื่ม 30% และกาแฟผง 30%
สำหรับ ปีนี้คาดว่าเครื่องดื่มฟังก์ชั่นนอลดริงค์จะเติบโต 10% จากมูลค่าตลาดรวม 2,500 ล้านบาท ในปี 2013