ไลฟ์สไตล์ที่เร่งเร้าในยุคปัจจุบันอาจทำให้คุณไม่มีเวลาปลีกตัวไปรับประทานอาหารที่ร้าน หรือแม้กระทั่งทำอาหารเอง บริการส่งอาหารจึงเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับหลายๆ คน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ การแข่งขันในธุรกิจบริการส่งอาหารในประเทศไทยทวีความเข้มข้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เจคิว ปูม้านึ่ง Delivery เคยเป็นหนึ่งในธุรกิจเหล่านั้นที่พยายามสร้างแบรนด์ให้โดดเด่น จนกระทั่งได้หันมาใช้ Facebook เป็นเครื่องมือการตลาดหลัก
คุณสุรีรัตน์ ศรีพรหมคำ หรือ คุณโอ๋ ผู้ก่อตั้งและเจ้าของธุรกิจเจคิว ปูม้านึ่ง Delivery กล่าวว่า หัวใจสำคัญของแบรนด์คือความสดใหม่ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอหันมาจับธุรกิจอาหารเดลิเวอรี่ เพื่อบริการส่งอาหารทะเลสดใหม่ตรงถึงประตูบ้านของลูกค้า นับตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจในปีพ.ศ. 2555 ปัจจุบันร้านอาหารทะเลเดลิเวอรี่ชื่อดังมียอดไลค์แฟนเพจแล้วกว่า 335,498 ไลค์
ในระยะแรก คุณโอ๋ในฐานะผู้ก่อตั้งแบรนด์ เจคิว ปูม้านึ่ง Delivery ต้องเผชิญกับความท้าทายในการค้นหากลยุทธ์ทางการตลาดที่เหมาะสมกับแบรนด์ วิธีดั้งเดิมอย่างการแจกใบปลิวเพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและดึงดูดลูกค้าไม่ประสบความสำเร็จเท่าใดนัก นอกจากนี้ ต้นทุนการผลิตที่สูงและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ยังทำให้ผลลัพธ์จากการลงทุนไม่สูงเท่าที่ควร เจคิว ปูม้านึ่ง Delivery จึงหันมาใช้Facebook แพลตฟอร์มการตลาดที่ช่วยให้แบรนด์สามารถออกแบบแคมเปญการตลาดที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของธุรกิจและบริหารงบประมาณให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดได้อย่างแท้จริง เพียงระยะเวลาสั้นๆ หลังหันมาใช้ Facebook เจคิว ปูม้านึ่ง Delivery ได้รับยอดไลค์เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดและมีลูกค้าเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย “เราประทับใจเป็นอย่างมากกับผลตอบรับที่ดีเยี่ยม เรารู้ทันทีว่าเรามาถูกทางแล้ว” คุณสุรีรัตน์กล่าว
สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก
เจคิว ปูม้านึ่ง Delivery มีวัตถุประสงค์ธุรกิจหลักสามข้อ ได้แก่ การเพิ่มการรู้จักแบรนด์ การเพิ่มยอดขายให้ได้สูงสุด และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ในด้านการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและขยายฐานลูกค้า เจคิว ปูม้านึ่ง Delivery ใช้การโฆษณาการถูกใจหน้าบน Facebook (Page Like ads) โดยประมูลโฆษณาด้วยตนเองและเลือกบริเวณโฆษณาที่ผู้รับชมสามารถกดไลค์เพจได้ทันทีบนคอลัมน์ด้านขวาของ Facebook ซึ่งเป็นบริเวณที่กลุ่มเป้าหมายของแบรนด์จะเห็นโฆษณาได้เด่นชัดที่สุด
การทำโปรโมชั่น
ความท้าทายอีกประการหนึ่งคือการอัพเดตเมนูอาหารประจำวันและจัดโปรโมชั่นให้แฟนๆ รับรู้อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงกลยุทธ์การบริหารเนื้อหาและโพสต์ต่างๆ เจคิว ปูม้านึ่ง Delivery จึงวางแผนบริหารเวลาสำหรับการโพสต์ในแต่ละวัน “ร้านของเราเปิดให้บริการเวลา 10.00 น. ดังนั้นเราจึงโพสต์เมนูอาหารประจำวันประมาณ 9.30 น. เพื่อให้ลูกค้ามีเวลาในการตัดสินใจเลือกเมนูและสั่งอาหารได้ทันทีที่ร้านเปิด” คุณโอ๋กล่าว นอกจากนี้ เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์และสร้างความสนใจให้กับลูกค้าตลอดทั้งวัน เจคิว ปูม้านึ่ง Delivery จะโพสต์รูปอาหารทะเลของร้านทุกๆ ชั่วโมง
คุณโอ๋ได้แบ่งปันเคล็ดลับเพิ่มเติมว่า ช่วงเวลาไพรม์ไทม์หรือเวลาที่ลูกค้าจะเห็นโพสต์ของแบรนด์มากที่สุดคือเวลา 20.00 น. แต่การบูสต์โพสต์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับธุรกิจเดลิเวอรี่คือช่วงเวลา 10.00-18.00 น. เนื่องจากการบูสต์โพสต์ในช่วงที่มีทราฟฟิกสูงสุดจะไม่มีประโยชน์หากลูกค้าไม่สามารถสั่งอาหารได้เพราะเลยเวลาทำการไปแล้ว ดังนั้นเจคิว ปูม้านึ่ง Delivery จึงเลือกที่จะโพสต์แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายในช่วงเวลา 20.00 น. โดยเน้นเนื้อหาที่ “แบรนด์อยากให้ลูกค้ารับทราบ” แทน
เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ตรงกับแบรนด์
ในระยะแรกของการดำเนินธุรกิจ เจคิว ปูม้านึ่ง Delivery ตั้งเป้าไปที่ลูกค้าที่อาศัยในกรุงเทพมหานครเท่านั้น แต่เมื่อพวกเขาสังเกตว่าลูกค้าที่อาศัยอยู่ต่างจังหวัดเห็นโฆษณาที่ทำขึ้นเพื่อกลุ่มเป้าหมายในกรุงเทพฯ เช่นกันและเกิดความต้องการที่จะสั่งอาหาร เจคิว ปูม้านึ่ง Delivery จึงใช้ฟีเจอร์โฆษณาแบบกำหนดกลุ่มเป้าหมายของ Facebook เพื่อขยายธุรกิจไปยังจังหวัดใกล้เคียง “กลุ่มเป้าหมายของเราคือผู้หญิงอายุ 18 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ โดยจะเน้นไปที่ผู้ที่อาศัยในรัศมี 30 กม.นอกเขตกรุงเทพมหานคร” คุณโอ๋อธิบาย “หลังจากที่เราใช้การโฆษณาแบบกำหนดกลุ่มเป้าหมายของ Facebook เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเฉพาะ เราได้รับยอดขายจากต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10” เจ้าของแบรนด์เจคิว ปูม้านึ่ง Delivery กล่าวเสริม
เชื่อมโยงกับลูกค้า
เจคิว ปูม้านึ่ง Delivery สามารถสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าที่แข็งแกร่งและมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องผ่านโปรโมชั่นแจกรางวัลที่ดึงดูดใจเพื่อขอบคุณลูกค้าที่ให้การสนับสนุนและเพื่อฉลองโอกาสสำคัญต่างๆ ของแบรนด์ นอกจากนี้ ยังใช้การสร้างกิจกรรมบน Facebook (Events) เพื่อเชิญแฟนๆ เข้าร่วมกิจกรรมแจกรางวัลพรีเมี่ยมต่างๆ เช่น แพ็กเกจทัวร์ไปเกาหลี และรางวัลที่น่าสนใจอื่นๆ กิจกรรมเหล่านี้ดึงดูดลูกค้าให้กลับเข้ามาในเพจอย่างสม่ำเสมอและสร้างลูกค้าประจำที่มีความมั่นคงต่อแบรนด์อีกด้วย
การประเมินผลและปรับปรุง
“เรามักจะใช้ ข้อมูลเชิงลึกของเพจ (Page Insights) เพื่อช่วยในการตัดสินใจว่าจะโปรโมทโพสต์ใด ถ้า Facebook แจ้งว่ามีโพสต์ที่ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ เราจะบูสต์โพสต์ดังกล่าว” คุณสุรีรัตน์กล่าวถึงเทคนิคในการบูสต์โพสต์ “เมื่อผ่านไประยะหนึ่ง เราจะเห็นรูปแบบของโพสต์ที่มักจะได้รับความสนใจมากที่สุด ทำให้เราสามารถปรับเนื้อหาให้สอดคล้องกับรูปแบบดังกล่าว เพื่อให้โพสต์ต่อๆ ไปของเราน่าสนใจมากยิ่งขึ้น” คุณโอ๋เสริม เจคิว ปูม้านึ่ง Delivery ยังใช้ข้อมูลเชิงลึกของเพจในการติดตามกิจกรรมต่างๆ ของคู่แข่ง ซึ่งทำให้แบรนด์สามารถเปรียบเทียบการโฆษณาของคู่แข่ง ยอดไลค์และแชร์ที่คู่แข่งได้รับ และนำข้อมูลเหล่านั้นมาทดลองและปรับใช้กับกลยุทธ์ด้านเนื้อหาของแบรนด์อีกด้วย
เจคิว ปูม้านึ่ง Delivery วางแผนที่จะใช้ Facebook ในฐานะแพลตฟอร์มการตลาดหลักของแบรนด์อย่างต่อเนื่องและตั้งเป้าที่จะเพิ่มยอดไลค์ของเพจให้ครบ 1 ล้านไลค์ และมียอดขายรวม 150 ล้านบาท โดยเพิ่มยอดขายจากลูกค้าต่างจังหวัดอีกร้อยละ 10 และยอดขายจากบริการจัดเลี้ยงเพิ่มอีกร้อยละ 20 รวมถึงขยายสาขาเพิ่ม 2 สาขาในปีนี้อีกด้วย