บริษัท สุนทรธัญทรัพย์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวสารบรรจุถุงภายใต้แบรนด์ “ข้าวตราไก่แจ้” ก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์ชั้นนำของตลาดข้าวสารบรรจุถุงที่ครองใจตลาดผู้บริโภคทั่วประเทศและขยายตลาดจำหน่ายไปสู่ต่างประเทศและปัจจุบันได้แตกไลน์ธุรกิจใหม่ตั้ง บริษัท ทีอาร์ ไทยฟูดส์ จำกัด โดยทุ่มงบประมาณการลงทุนก่อสร้างโรงงานและเครื่องจักรกว่า 20 ล้านบาท เพื่อผลิตและจำหน่ายขนมไทยภายใต้แบรนด์ “แม่นภา” ตั้งเป้ายอดขาย 60 ล้านบาท ภายในปี 2558
นายธีรินทร์ ธัญญวัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สุนทรธัญทรัพย์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันข้าวสารบรรจุถุงตราไก่แจ้สามารถครองใจผู้บริโภคได้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพราะด้วยคุณภาพที่เราได้คัดสรรและใส่ใจทุกขั้นตอน นอกจากนี้ข้าวตราไก่แจ้ยังเป็นข้าวที่คัดเลือกมาจากแหล่งเพาะพันธุ์ข้าวที่ดีที่สุดจากทั่วประเทศเพื่อให้ได้ข้าวที่มีคุณภาพดี รสชาตินุ่ม หอม อร่อยที่สําคัญยังสามารถคงความอร่อยไว้ได้นานแม้ข้าวจะเย็นแล้วก็ตาม จึงทำให้ข้าวตราไก่แจ้เป็นข้าวที่มียอดขายแถวหน้าของประเทศ ด้วยความอร่อย หอม นุ่มทั้งเม็ดข้าวเรียวยาว มีขนาดสม่ำเสมอ และผมเชื่อว่าเมื่อได้ลองรับประทานข้าวตราไก่แจ้ เพียงครั้งเดียว ก็จะติดใจในความอร่อย และไม่อยากเปลี่ยนไปกินข้าวยี่ห้ออื่น
ที่ผ่านมาข้าวตราไก่แจ้ ทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อตอกย้ำแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักทั้งด้านการทำประชาสัมพันธ์ โฆษณาผ่านสื่อต่างๆ ทั่วประเทศ ออกบูธตามงานต่างๆ ด้วยการลดราคาแจกแถม และชิมฟรี โดยใช้งบประมาณกว่า 70-80 ล้านบาทต่อปี และบริษัทได้ต่อยอดกลยุทธ์ทางการตลาด ด้วยการจัดแคมเปญ “ข้าวตราไก่แจ้ คู่หู พารวย คุณได้ทอง ร้านได้ด้วย” แจกจี้ทองคำไก่แจ้จำนวน 240 รางวัล คือผู้บริโภค 120 รางวัล และร้านค้า 120 รางวัล แจกทุกเดือน ทุกภาคๆ ละ 1 รางวัล รวม 5 ภาค 5 รางวัลต่อเดือน รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 3,000,000 บาท ลูกค้าที่ซื้อข้าวสารตราไก่แจ้ มีสิทธิ์ร่วมลุ้นจี้ทองคำ ไก่แจ้ง่ายๆ เพียงตัดชิ้นส่วนบนถุง พร้อมเขียนชื่อ-ที่อยู่ของตนและร้านค้าที่ซื้อ ส่งชิ้นส่วนลุ้นชิงโชคจี้ ไก่แจ้ทองคำมาที่ ตู้ ป.ณ. 2 อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี 20140 โดยแคมเปญนี้เริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2557 – 2มกราคม 2558 จะประกาศรายชื่อผู้โชคดีที่ได้รับจี้ทองคำไก่แจ้แต่ละเดือนทาง facebook ของข้าวตราไก่แจ้ และฝ่ายการตลาดของข้าวตราไก่แจ้จะโทรศัพท์ไปแจ้งให้ผู้ที่ได้รับรางวัลทราบเองอีกทางหนึ่ง หรือสอบถามข้อมูลได้ที่โทรศัพท์หมายเลข 038-473-5555และล่าสุดด้วยการเปิดตัวหนังโฆษณาตัวใหม่ของข้าวสารตราไก่แจ้ ในคอนเช็ปต์ “ได้อั้ม…แล้วจะติดใจ” ข้าวตราไก่แจ้ ข้าวดีดี ที่คุณต้องลอง
ภายหลังจากที่ประสบความสำเร็จของธุรกิจข้าวสารบรรจุถุงตราไก่แจ้ ทางบริษัทฯ เล็งเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจสแน็ก (ขนมทานเล่น) ในท้องตลาดเพราะยังเป็นตลาดใหญ่ และคาดว่าจะสามารถเข้าไปชิงส่วนแบ่งทางตลาดสแน็ก (ขนมทานเล่น) “ขนมแม่นภา” เป็นสูตรของแม่นภาที่เคยทำให้ลูกๆ กินตอนเด็กๆ ด้วยความรักและความใส่ใจที่แม่มีให้ จึงเลือกสรรสิ่งที่มีคุณค่าให้กับลูกเสมอมา ตนจึงเกิดความคิดที่ว่าเรา น่าจะพัฒนาขนมไทยให้ทันสมัยมีประโยชน์ อร่อยคงคุณค่าของความเป็นไทยและหาซื้อได้ง่ายเมื่อต้องการ รับประทานจึงได้แตกไลน์ธุรกิจใหม่ชื่อ บริษัท ทีอาร์ ไทยฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าขนมไทย ภายใต้แบรนด์ “แม่นภา” โดยได้ทุ่มงบลงทุนการก่อสร้างโรงงาน และเครื่องจักรมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท ผลิตและจำหน่ายสินค้าขนมไทยภายใต้แบรนด์ “แม่นภา” อาทิเช่น กล้วยเบรกแตก ทองม้วนหมูหยอง และข้าวต้มมัด ที่มีจุดเด่นของขนมไทยรูปแบบใหม่ที่ผลิตจากวัตถุดิบที่ไม่ส่วนประกอบของผงชูรส ไม่มีสาร กันบูดจึงทำให้มั่นใจว่าทุกผลิตภัณฑ์จากแม่นภา “อร่อย” เหมาะกับผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย อีกทั้งเราได้ใส่ใจในทุกกระบวนการผลิตอีกด้วย
ปัจจุบันมีสินค้าที่ออกมาจำหน่ายภายใต้แบรนด์ “แม่นภา” ทั้งหมดมี 3 ตัว คือ 1. กล้วยเบรกแตก ที่ผลิตจาก กล้วยน้ำว้า ฝานบางๆ หอมกรอบอร่อย จนหยุดไม่อยู่ 2. ทองม้วนหมูหยอง ที่โภชนาการอาหารเพียบพร้อม อร่อยเคี้ยวเพลิน และ 3. ข้าวต้มมัดรีทอร์ช อยู่ได้นาน 6 เดือน หิวเมื่อไหร่ทานได้เมื่อนั้น รสชาติแบบไทยๆ แต่หน้าตาทันสมัย หอมหวานมันกลมกล่อม 1 ชิ้น 1อิ่ม สบายท้อง
ส่วนแผนการส่งเสริมการขาย “ขนมแม่นภา” เน้นการทำประชาสัมพันธ์ตามสื่อสาธารณะทำแคมเปญ แจกชิม โรดโชว์ จัดบูธตามสถานที่ต่างๆ โดยเน้นขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเป็นหลัก ปัจจุบันกล้วยเบรคแตกและทองม้วนหมูหยองมีจำหน่ายแล้วที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทุกสาขาทั่วประเทศ ราคาถุงละ 20 บาท และส่วนข้าวต้มมัดจะวางจำหน่าย ในวันที่ 25กันยายน 2557 ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทุกสาขา และ ท็อป ซุปเปอร์มาร์เก็ตทุกสาขา ราคาห่อละ 15 บาท ต้อนรับเทศกาลเจพอดี และยังมีแผนที่จะกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทุกช่องทาง แต่จะเน้นไปที่โมเดิร์นเทรด และในอนาคตมีแผนที่ต่อยอดไปสู่ตลาดต่างประเทศ และภายในสิ้นปีนี้ตั้งเป้ายอดขาย 60 ล้านบาท ภายในปี 2558 นายธีรินทร์ กล่าวทิ้งท้าย