บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ประกาศเปิดตัวโครงการเพื่ออนาคตของยนตรกรรมแห่งความยั่งยืน (sustainable mobility) ในประเทศไทย จัดแสดงบีเอ็มดับเบิลยู i3 นวัตกรรมยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยระบบพลังงานไฟฟ้าที่มีความล้ำสมัยในด้านเทคโนโลยีที่สุดในโลก พร้อมด้วย บีเอ็มดับเบิลยู i8 รถสปอร์ตระบบปลั๊ก-อินไฮบริด ณ สถานเอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี กรุงเทพฯ โดยได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ รอล์ฟ ชูลเซ่ เอกอัครราชทูตเยอรมันประจำประเทศไทย เป็นประธานในงาน ในโอกาสนี้ยังเป็นการต้อนรับการมาเยือนประเทศไทยของ ดร. คลอส เดรกเกอร์ คณะกรรมการบริหารบีเอ็มดับเบิลยู เอจี เพื่อประกาศเจตจำนงในการริเริ่มเสาะหาความร่วมมือระหว่างบีเอ็มดับเบิลยู กับคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และบริษัท ThaiGerTec บริษัทเทคโนโลยี สัญชาติไทย-เยอรมัน ในการวิจัยและพัฒนาที่ชาร์จไฟฟ้ากระแสตรงแบบเร็ว (DC quick charger) สำหรับยานยนต์ระบบไฟฟ้า
ดร.คลอส เดรกเกอร์ กล่าวว่า “เครื่องยนต์เป็นส่วนหนึ่งในชื่อของเรา ‘บาวาเรียน มอเตอร์ เวิร์คส์‘ เครื่องยนต์คือหัวใจของรถยนต์โดยสาร และเป็นกุญแจไขไปสู่สมรรถนะและประสิทธิภาพอันทรงพลัง เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพการผลิตส่วนประกอบของรถยนต์ที่สำคัญในประเทศไทย เรามีความยินดีที่จะประกาศเดินหน้าการประกอบเครื่องยนต์ในประเทศ ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรที่ดีของเราคือ Powertech Engine Assembly เพื่อสนับสนุนการประกอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู และมินิ ในประเทศไทย ซึ่งการประกอบเครื่องยนต์นี้จะเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เดือนธันวาคมปี พ.ศ. 2558 เป็นต้นไป
การจัดงานในครั้งนี้ยังเป็นการประกาศโครงการวิจัยและพัฒนาของบีเอ็มดับเบิลยูในประเทศไทย โดย ดร.เดรกเกอร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู i3 เป็นรถยนต์โดยสารคันแรกของโลกที่ผลิตจากพลาสติกเสริมเส้นใยคาร์บอน (carbon fibre-reinforced plastic หรือ CFRP) ที่มีน้ำหนักเบามาก ซึ่งนับเป็นวัสดุสำหรับวิศวกรรมยานยนต์ในอนาคต นอกจากนี้เรายังได้นำบางขั้นตอนของการทดสอบที่พัฒนาขึ้นในประเทศไทย ประกอบเข้าไปในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรุ่น i โดย ThaiGerTec บริษัทเทคโนโลยีสัญชาติไทย-เยอรมัน ได้พัฒนาซอฟท์แวร์ควบคุมความมั่นคงและความปลอดภัยสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู i3 และ i8 วันนี้ ผมมีความยินดีที่จะแสดงเจตจำนงในการริเริ่มเสาะหาความร่วมมือระหว่างบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป และ ThaiGerTec ร่วมด้วยคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในการวิจัยและพัฒนาที่ชาร์จไฟฟ้ากระแสตรงแบบเร็วสำหรับยานยนต์ระบบไฟฟ้า เราล้วนต้องการเห็นความล้ำหน้าและพลังแห่งนวัตกรรมนี้ จึงนำมาสู่การริเริ่มเสาะหาความร่วมมือกันเพื่ออนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์”
มร.แมทธิอัส พฟาลซ์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู ได้พัฒนา เครื่องยนต์แบบ module-concept รุ่นใหม่ ซึ่งถือเป็นการสร้างมาตรฐานระดับโลกของการประหยัดพลังงานที่มาพร้อมสมรรถนะอันเต็มเปี่ยม ด้วยการเลือกสรรวัสดุที่ทันสมัยและกระบวนการผลิตแบบพิเศษเฉพาะตัวสำหรับชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับเครื่องยนต์ที่ทันสมัยที่สุดของโลก ความริเริ่มในการประกอบเครื่องยนต์ในประเทศไทย รวมถึงการริเริ่มเสาะหาความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาในครั้งนี้ จะเป็นการถ่ายทอดความรู้ความเชี่ยวชาญทางเทคนิคในอุตสาหกรรมยานยนต์โดยเฉพาะยานยนต์ระบบไฟฟ้าจากเยอรมนีมาสู่ประเทศไทย”
เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสพิเศษนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ รอล์ฟ ชูลเซ่ เอกอัครราชทูตเยอรมันประจำประเทศไทย เปิดสถานทูตต้อนรับการจัดงานสุดพิเศษในครั้งนี้ ฯพณฯ ชูลเซ่ กล่าวว่า “การแถลงข่าวในครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออันดีระหว่างไทยและเยอรมันในด้านความยั่งยืน และยังเป็นเครื่องยืนยันถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างสองประเทศ รวมทั้งการให้ความสำคัญในเรื่องการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนของทั้งสองประเทศ เราส่งเสริมความร่วมมือนี้เพื่อสนับสนุนการเป็นศูนย์กลางความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคยานยนต์ให้กับประเทศไทยในอนาคตข้างหน้า”