“สิงห์” หันมาโฟกัสธุรกิจนอน-แอลกอฮอล์มากขึ้น โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้เป็น 30% ภายใน 3-5 ปี
งานนี้ ค่ายสิงห์ ยังไม่พลาดรถด่วนขบวน “ชาเขียว” แต่แทนที่จะเข้าสู่ตลาดชาเขียวสำเร็จรูป ที่เแข่งขันดุเดือดเลือดพล่าน ดีกรีระดับ “เรดโอเชียน” มาเป็นซัปพลายเออร์ ป้อนให้กับร้านอาหาร ร้านกาแฟ และผู้ผลิตชาเขียวสำเร็จรูป หรือในรูปแบบที่เรียกว่า “บีทูบี”
จึงเป็นที่มาของ จับมือกับ “มารูเซ็น” ยักษ์ใหญ่แห่งวงการชาเขียวของญี่ปุ่น สิงห์มองว่า การทำตลาดในรูปแบบนี้ ยังมีโอกาสอีกมาก เพราะปกติจะมีการนำเข้าจากญี่ปุ่น จึงทำให้มีราคาสูงเพราะมีการเก็บภาษีแพง การที่สิงห์ได้ผลิตและจำหน่ายเองทำให้มีราคาที่ต่ำกว่าการนำเข้า 20-30%
ส่วนการมาเปิดโรงงานในประเทศไทยครั้งนี้ของมารูเซ็น นับว่าเป็นครั้งแรกในการทำตลาดนอกประเทศญี่ปุ่น นับตั้งแต่ก่อตั้งมา 70 ปี โดยมารูเซ็นได้เล็งประเทศไทยไว้อยู่แล้วเพราะเขามีแผนส่งออกประเทศในกลุ่ม AEC มากขึ้น และต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางเพราะมีโลเคชั่นที่เอื้ออำนวย
การที่จับมือกับมารูเซ็นครั้งนี้ จะทำให้สิงห์ได้ Know howกระบวนการผลิตแบบชาเขียวญี่ปุ่นแท้ๆจากมารูเซ็น ส่วนทางสิงห์ได้ใช้พื้นที่ปลูกชา และผลผลิตใบชาจากไร่บุญรอด และเป็นศูนย์กลางในการเปิดตลาดของมารูเซ็น