หลังจากที่ยักษ์ใหญ่วงการไอทีอย่าง Microsoft ได้เข้าซื้อกิจการ Nokia แบรนด์มือถือสัญชาติฟินแลนด์อย่างเป็นทางการเมื่อปี 2556 ที่ผ่านมา ด้วยมูลค่าดีลถึง 7,200 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 2.3 แสนล้านบาทไทย ก็ดูเหมือนว่าไมโครซอฟท์มีการพัฒนาระบบปฏิบัติการ Window Phone อย่างต่อเนื่อง ในแบรนด์ Nokia เพื่อสู้ในตลาดสมาร์ทโฟนที่มีทั้งแอนดรอยด์ ไอโอเอส และแบล็กเบอร์รี่
โดยที่ผ่านมาได้ปีกว่าเท่านั้น ไมโครซอฟท์ได้ทําการโล๊ะชื่อแบรนด์ Nokia ทิ้ง แล้วเปลี่ยนเป็น Microsoft Lumia แทน ตามพันธกิจที่ว่า “จะเอา Service ของไมโครซอฟท์ ไปอยู่กับผู้บริโภคทุกที่” นั่นหมายความว่าไมโครซอฟท์มี “สมาร์ทโฟน” ในมือแล้ว 100%
สมาร์ทโฟนรุ่นแรกภายใต้แบรนด์ไมโครซอฟท์ เน้นเจาะในสมาร์ทโฟนระดับล่างที่มีราคาตั้งแต่ 2,000 – 4500 บาท เนื่องจากเป็นตลาดนี่มีการเติบโตค่อนข้างสูง ในชื่อรุ่น Microsoft Lumia 535 ในราคา 4,490 บาท ใช้ราคาเป็นตัวนำร่องในการเข้าสมรภูมิสมาร์ทโฟนก่อน
ญาณธน สิมะวานิชกุล กรรมการผู้จัดการ ไมโครซอฟท์ดีไวซ์ ประเทศไทย กล่าวว่า ทิศทางการทําตลาดของ Microsoft Lumia คงไม่แตกต่างจากเดิมมาก เพียงแต่จะเน้นเรื่อง Service และ Solution ของไมโครซอฟท์มากขึ้น เน้นเรื่องนวัตกรรมใหม่ๆ จะมาตอบโจทย์ผู้บริโภค ใช้แบรนด์ Lumia ของ Nokia ที่แข็งแกร่งมาเชื่อมกับไมโครซอฟท์ แต่ฟีเจอร์โฟนยังคงใช้ชื่อแบรนด์โนเกียอยู่ ในปีนี้เริ่มต้นด้วยรุ่นที่ราคาเข้าถึงได้เพราะเห็นตลาดมีการเติบโต แต่ในปีหน้าจะออกในหลายๆ เซ็กเมนต์
นอกจากไมโครซอฟท์จะได้ความแข็งแกร่งจากแบรนด์โนเกียที่ผู้บริโภคหลายคนยังมี Loyalty อยู่แล้ว ในแง่ของ “วัฒนธรรมองค์กร” ที่มีความต่างกันของทั้งสองบริษัทจะมาช่วยเสริมกัน โดยที่โนเกียเป็นวัฒนธรรมในเรื่อง Consumer Product จะเข้าใจถึงพฤติกรรมผู้บริโภค ในขณะที่ไมโครซอฟท์เป็นธุรกิจแบบ Business 2 Business
ในประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัทจาก โนเกีย ประเทศไทย เป็น ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 เป็นต้นไป เรียกว่าเป็นวัน ไมโครซอฟท์เดย์ พร้อมย้ายออฟฟิศมาอยู่รวมกันภายใต้ชายคาไมโครซอฟท์ แต่โดยทีมงานโนเกียเช่นเดิม