แอลจี (LG) และหัวเหว่ย (Huawei) สองยักษ์ใหญ่จากเอเชีย เปิดตัวสมาร์ทวอทช์รุ่นล่าสุดที่มาพร้อมขอบโลหะกลมมนดีไซน์หรูในงาน Mobile Congress เมืองบาเซโลนา ประเทศสเปนแล้ว
ถือเป็นการเปิดตัวที่เรียกความสนใจได้ดี สำหรับสองค่ายจากเอเชีย อย่างแอลจี และหัวเหว่ยในงาน Mobile Congress ที่จัดขึ้นที่เมืองบาเซโลน่า ประเทศสเปน ระหว่างวันที่ 2 – 5 มีนาคม 2558 ซึ่งนาฬิกาจากหัวเหว่ยได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากบล็อกเกอร์หลายรายในด้านการออกแบบอีกด้วย
โดยนาฬิกาจากหัวเหว่ยนั้นรันบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ และมีหน้าจอขนาดใหญ่กว่าเมื่อเทียบกับแอลจี โดยเป็นหน้าจอคริสตัล OLED ขนาด 1.7 นิ้ว (เส้นผ่านศูนย์กลาง 42 มิลลิเมตร) ที่ทางบริษัทอ้างว่าป้องกันรอยขูดข่วนได้ ส่วนขอบเป็นสแตนเลสสตีล ด้านความละเอียดหน้าจอนั้น ของหัวเหว่ยจะมีความละเอียดสูงกว่าแอลจีสักเล็กน้อยที่ 286 ppi ส่วนแอลจีอยู่ที่ 245 ppi และมาพร้อมหน้าจอกราฟิกหลายสิบแบบให้เลือกเปลี่ยนได้ตามชอบ
นอกจากนั้นนาฬิกาจากหัวเหว่ยยังมาพร้อมเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ บารอมิเตอร์, accelerometer, หน่วยความจำภายใน 4 กิกะไบต์ และมีสีให้เลือก 3 สี ได้แก่ ทอง เงิน และดำ ส่วนสายนาฬิกานั้นมีหลากหลายแบบ
อย่างไรก็ดี ในด้านการขายแล้ว บล็อกเกอร์จำนวนมากต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ชื่อของหัวเหว่ยอาจไม่ทำให้ผู้บริโภคชาวตะวันตกสนใจอยากได้เป็นเจ้าของกันมากนัก
ขณะที่นาฬิกาอัจฉริยะของแอลจีที่เปิดตัวในครั้งนี้ถือเป็นรุ่นที่สามและสี่ของทางค่ายแล้ว โดยรุ่นเบสิค (Basic Version) ที่เปิดตัวนั้น เป็นรุ่นที่รันบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ส่วนรุ่นไฮเอนด์ เป็นรุ่นที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการตัวใหม่ของทางค่ายพร้อมชิป 4G
ที่พิเศษกว่านั้นก็คือ ในสมาร์ทวอทช์รุ่นไฮเอนด์ของแอลจีนั้น ผู้ใช้สามารถติดต่อกับผู้อื่น รวมถึงสามารถส่งข้อความให้ผู้อื่นได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนแต่อย่างใดด้วย
นอกจากนั้นในรุ่นไฮเอนด์ของแอลจี ทางผู้ผลิตได้ใส่ฟีเจอร์เช่น NFC (near field communication), Push-to-talk สำหรับสื่อสารกับอุปกรณ์สื่อสารเครื่องอื่นที่รองรับได้ภายใต้เครือข่ายเดียวกัน, เครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ, บารอมิเตอร์ รวมถึงสามารถกันน้ำได้นาน 30 นาที ตัวเครื่องมีปุ่มด้านข้าง 3 ปุ่ม และรันบนระบบปฏิบัติการของแอลจีตัวใหม่ด้วย
ขณะที่รุ่นเบสิคของแอลจีนั้นอาจด้อยกว่าในหลาย ๆ ด้าน เช่น ตัวเครื่องที่บางกว่า มีปุ่มด้านข้างเพียงปุ่มเดียว อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ก็น้อยกว่า แถมไม่มี GPS และ NFC แต่ถึงกระนั้น มันก็ยังรองรับแอปแผนที่ อีเมล ปฏิทิน ฯลฯ ตามที่สมาร์ทวอทช์บนแพลตฟอร์มแอนดรอยด์สามารถทำได้อยู่เช่นกัน
แม้จะมีการเปิดตัวและสร้างความตืนตาตื่นใจให้กับวงการเทคโนโลยีกันมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมากับบรรดาสมาร์ทวอทช์หลากรุ่นหลายยี่ห้อ ทั้ง Moto 360, Asus ZenWatch และ Samsung Gear Live แต่หากพูดถึงยอดขายของนาฬิกาอัจฉริยะนั้น ตามรายงานของบีบีซีกลับพบว่ายังมีอยู่แค่ 720,000 เรือนเท่านั้น (เฉพาะที่รันบนแพลตฟอร์มแอนดรอยด์) ซึ่งนักวิเคราะห์ในวงการเทคโนโลยีคาดว่าตลาดนาฬิกาอัจฉริยะจะเติบโตอย่างมากในปีนี้ จากการเปิดตัวของแอปเปิลวอทช์ โดยจะทำให้อีกหลายอุตสาหกรรมเติบโตตามไปด้วย