จีนครองแท่น "อภิมหาเศรษฐี" จำนวนมากเป็นอันดับสามของโลกใน 10 ปี

เอเจนซี- สำรวจเผย จีนมีกลุ่มคนที่มั่งคั่งสูงมากประเภทบุคคลที่มีเงินมากกว่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐ (เกิน 948 ล้านบาท) มากเป็นอันดับ 3 ของโลกใน 10 ข้างหน้า โดยจะเป็นรองแค่อเมริกาและญี่ปุ่น 
 
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (5 มี.ค.) ไนท์ แฟรงค์ (Knight Frank) บริษัทตัวแทนซื้อขายและที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก จากอังกฤษ และ บีโอซีไอ (Bank of China International Securities Limited) ร่วมกันเผยผลสำรวจกลุ่มคนมั่งคั่งสูงมากประจำปีที่แล้ว (2557) ระบุจีนมีจำนวนคนที่มั่งคั่งสูงมาก (ultra high-net-worth) หรืออภิมหาเศรษฐี ที่มีมูลค่าสินทรัพย์การเงินและการลงทุนมากกว่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐ (เกิน 948 ล้านบาท) จำนวน 8,366 คน ซึ่งถือว่ามากเป็นอันดับห้าของโลก พร้อมกับคาดการณ์ว่าในอีก 10 ปี ข้างหน้า จีนจะมีกลุ่มอภิมหาเศรษฐีเพิ่มขึ้นเป็น 15,681 คน หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 87.4 % 
 

 
ในขณะที่เยอรมนีและอังกฤษ มีอภิมหาเศรษฐีมากเป็นอันดับที่ 3 และ 4 ตามลำดับ ส่วนประเทศที่มีอภิมหาเศรษฐีมากที่สุดในโลกเป็นอันดับที่ 1 และ 2 ได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ซึ่งมีอภิมหาเศรษฐีมากถึง 40,581 คน และ 19,916 คน ตามลำดับ อีกทั้ง ยังมีการคาดการณ์ว่า ประเทศยักษ์ใหญ่ทั้งสองจะครองตำแหน่งนี้ไปนานอีก 10 ปี
 
ทั้งนี้การสำรวจจำนวนกลุ่มคนมั่งคั่งสูงมากประจำปี 2557 ได้ทำการสำรวจในเมืองต่างๆ 108 เมือง ในกลุ่มเศรษฐกิจ 97 ราย โดยเป็นปีที่ 9 ของการสำรวจดังกล่าว
 
กลุ่มคนมั่งคั่งสูงมากทั่วโลกมีทั้งหมด 172,850 คน มีมูลค่าทรัพย์สินและการลงทุนทั้งหมดรวมกันอยู่ที่ 20.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 665.6 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2556 ประมาณ 700,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราวๆ 2.24 ล้านล้านบาท) เวล์ทอินไซท์ (WealthInsight) บริษัทที่ทำการสำรวจ เผย
 
หากพิจารณาจากบริบทของจีน พบว่า ปักกิ่ง เซินเจิ้น และเซี่ยงไฮ้ เป็นเมืองที่ติดอันดับ 20 เมืองที่มีอภิมหาเศรษฐีมากที่สุดในโลก นอกจากนี้ ในรายงานยังคาดว่า ในอีก 10 ปี ข้างหน้า เมืองในแผ่นดินใหญ่จะพากันตบเท้าเข้าไปอยู่ในรายการ 30 เมืองที่มีคนมั่งคั่งสูงมากอยู่มากที่สุดในโลก มากถึง 2 ใน 3 ของตาราง
 
เดวิด จี หัวหน้าฝ่ายวิจัยและให้คำปรึกษาด้านจีน ประจำไนท์ แฟรงค์ (Knight Frank) เชื่อมั่นว่า จำนวนอภิมหาเศรษฐีในจีนจะเติบโตต่อไปตามเศรษฐกิจของจีนที่ผงาดขึ้น อย่างไรก็ดี เขาปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่านโยบายการปราบปรามทุจริตของรัฐบาลจีนมีผลต่อจำนวนตัวเลขคนรวยของจีน หรือไม่ อย่างไร
 
ในรายงานระบุข้อสังเกตเพิ่มเติมด้วยว่า ตั้งแต่ปี 2546-2556 คนจีนที่มีสินทรัพย์มากกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 32 ล้านบาท) โดยไม่นับรวมบ้านที่อาศัยอยู่ ประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 76,200 คน ขอสัญชาติอื่น หรือ ย้ายถิ่นฐานออกนอกประเทศ ไปแล้ว ทั้งนี้ แผ่นดินใหญ่ถือเป็นสุดยอดประเทศที่คนรวยระดับมั่งคั่งสูง (high net worth individuals หรือ HNWI) ย้ายออกนอกประเทศ
 
นิโคลัส ฮอล์ท หัวหน้าศูนย์วิจัยภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิค ประจำไนท์ แฟรงค์ (Knight Frank) แสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ไว้ว่า การที่มหาเศรษฐีจีนย้ายไปอยู่ต่างประเทศมีผลต่อราคาตลาดบ้านชั้นดีทั่วโลก
 
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า ที่ผ่านมา ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 ผู้สมัครขอวีซ่า Tier 1 Investor (สำหรับผู้ที่ต้องการนำเงินจำนวนมากไปลงทุนในสหราชอาณาจักร) จำนวน 44 เปอร์เซ็นต์มาจากแผ่นดินใหญ่
 
อนึ่งตามการแบ่งในระดับสากล ได้แบ่งกลุ่มมั่งคั่งเป็นสองระดับได้แก่ กลุ่มที่มั่งคั่งสูง (High net worth) เป็นกลุ่มที่มีสินทรัพย์ทางการเงินมากกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือมากกว่า 30 ล้านบาท และกลุ่มที่มั่งคั่งสูงมาก หรือ อภิมหาเศรษฐี (Ultra-High net worth) ที่มีมูลค่าสินทรัพย์การเงินและการลงทุนกว่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือมากกว่า 900 ล้านบาท