แม้ว่าเวลานี้ “โค้ก” จะขึ้นแท่นผู้นำในตลาดน้ำอัดลม และน้ำดำแล้วก็ตาม แต่ในภาวะการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้น อีกทั้งคู่ปรับรายเก่าอย่าง “เป๊ปซี่” ก็เร่งสปีดในการทำตลาดอย่างเนื่อง ทำให้โค้กเองต้องงัดแคมเปญเด็ดๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษามาร์เก็ตแชร์ของตัวเองเอาไว้
โค้กขึ้นใช้โอกาสครบรอบ 100 ปี ของโค้กขวดแก้ว ซึ่งเป็นแคมเปญระดับโลก มาเป็นแคมเปญใหญ่แห่งปีในไทยด้วยเช่นกัน โดยใช้งบลงทุน 450 ล้านบาท พร้อมกับ ต่อสัญญา “เต้ย จรินทร์พร จุนเกียรติ” ให้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ เป็นปีที่ 2 แล้ว เพราะให้เต้ยเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ ที่แอคทีฟตลอดเวลา
สำหรับ แคมเปญ 100 ปีโค้กขวดแก้วนั้น นอกจากการใส่สตอรี่ของโค้กขวดแก้วเข้าไปที่มียาวนานกว่า 100 ปี ยังรวมไปถึงสร้างการรับรู้ว่าการดื่มจากขวดแก้วมันซ่ากว่า อร่อยกว่า
ทำให้ถูกจับตามองว่า โค้กต้องการสกัดคู่แข่ง อย่าง เป๊ปซี่ ที่ได้เลิกผลิตขวดแก้วไปแล้ว หันมามุ่งเน้นบรรจุภัณฑ์ที่เป็น PET ขนาดต่างๆเท่านั้น จะมีเพียงแค่ “เอส” ของเสริมสุขเท่านั้นที่มีขวดแก้ว
นอกจากนี้ การขวดแก้วยังเป็นหัวใจหลักของช่องทาง Traditional Trade หรือร้านโชว์ห่วย รวมไปถึงร้านอาหาร ที่โค้ก มีสัดส่วนรายได้จากช่องทางนี้ถึง 70%
เพื่อให้สอดรับกับแคมเปญหลัก และการใช้ชวดแก้ว มาเป็น “หมาก”การตลาด แคมเปญโปรโมชั่น ชิงโชคของโค้กเลยมาแบบย้อนยุค “ฝาจีบโค้กมีค่า แลกซ่าขวดใหม่” ให้ผู้บริโภคสะสมฝาจีบโค้กขวดแก้ว 5 ฝา สามารถแลกโค้กอีก 1 ขวด
ประไพภักตร์ ไวเกิล ผู้จัดการฝ่ายอาวุโส บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในโปรโมชั่นครั้งนี้โค้กต้องการแจกรางวัล โดยไม่ต้องลุ้นรางวัลเลย แต่สามารถสะสมได้ทุกฝา มีมากกว่าล้านฝา และพฤติกรรมผู้บริโภคในสมัยนี้มีการเก็บฝาเองแล้ว โดยที่ไปซื้อที่ร้านค้า แต่จะขอฝาจากผู้ขายก็มี
ส่วนกิจกรรมการตลาดอื่นๆ ที่โค้กจะจัดในปีนี้ยังคงอยู่ภายใต้แคมเปญ 100 ปีโค้กขวดแก้วอยู่ โดยที่จะมรโปรโมชั่น ณ จุดขายในโมเดิร์นเทรด และร้านสะดวกซื้อ, การจัดงานเทศกาลสงกรานต์ และจัดนิทรรศการโค้กขวดแก้วระดับโลก ส่วนในกลยุทธ์อื่นๆ ยังคงเน้นเรื่องของการเป็นสปอนเซอร์อยู่ ทั้งรายการเดอะ ว็อยซ์,โค้ก คัพ และรายการอื่นๆ