ทำไมโฟร์โมสต์ ต้องแบ็กทูเบสิก

 

กลยุทธที่ผ่านมาของนมโฟร์โมสต์

 มุ่งเน้นทำตลาดด้วยการกระตุ้นให้เห็นคุณประโยชน์จากนม
 ใช้ดารานักแสดงเป็นพรีเซนเตอร์ เน้นเจาะกลุ่มวัยรุ่นเป็นหลัก

จุดเปลี่ยนกลยุทธการตลาด ปี 2558

บริษัทแม่ของโฟร์โมสต์ได้มาตั้งสำนักที่สิงคโปร์ ส่งผลให้มีการใช้กลยุทธสื่อสารการตลาดร่วมกันทั้งอาเชียน
 หันมุ่งเน้นความเป็นเบสิกของแบรนด์
 โดยใช้กลยุทธ “สตอรี่แบรนด์” ของฟรีสแลนด์ คัมพิน่า ซึ่งมีความเป็นมาอย่างยาวนานกว่า 144 ปี จากกลุ่มเกษตรกรจากประเทศเนเธอร์แลนด์ที่ให้ความสำคัญต่อคุณภาพสินค้า
 เชื่อว่าจะทำให้เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น และให้ผู้บริโภคมั่นใจถึงคุณภาพสินค้า และส่งผลทางอ้อมให้ผู้บริโภคหันมาดื่มนมมากยิ่งขึ้น
 ออกแคมเปญภาพยนตร์โฆษณาใหม่ที่จะออกอากาศพร้อมกันไปทั่วอาเซียน ภายใต้แนวคิด “Your Milk is our Milk : นมที่คุณชื่นชอบ สื่อสารภาพลักษณ์ของนมโฟร์โมสต์ใช้มาตรฐานการผลิตระดับโลกที่เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว
 สำหรับประเทศไทย โฟร์โมสต์จะใช้งบการตลาดปีนี้เพิ่มขึ้นอีก 30% เทียบกับปีก่อน
 เน้นเจาะกลุ่มครอบครัวมากขึ้น จากเดิมเป็นกลุ่มวัยรุ่น และใช้พรีเซ็นเตอร์
 ให้ความสำคัญต่อดิจิตอลมาร์เกตติ้ง
 เน้นทำกิจกรรมในร้านค้า และการพัฒนาช่องทางขายในร้านค้าทั่วไปให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น
 ส่งผลให้มีการบริโภคนมมากขึ้นอีก 5-10% ในแต่ละครัวเรือน จากเดิมอยู่ที่ 20 ลิตรต่อครัวเรือนต่อปี
 นำเข้าเครื่องจักรและเทคโนโลยีใหม่เพื่อนำมาพัฒนาและผลิตนมให้มีคุณภาพ
 ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นอีก 1.5-2% จากที่มีส่วนแบ่งอยู่ 35-36%  ของตลาดรวมลิควิดมิลค์มูลค่า 30,000 ล้านบาท
 คาดว่าปี 2558 จะมีรายได้เติบโตขึ้น 8%

สภาพตลาดนมไทย ปี 2558

 ภาพรวมตลาดลิควิดมิลค์ปีนี้คาดว่าจะโตได้ 2%
 กลุ่มนมยูเอชทีสำหรับเด็ก มีมูลค่า 10,000 ล้านบาท เติบโต 6-7% ในเซกเมนต์นี้โฟร์โมสต์เป็นผู้นำตลาด มีแชร์กว่า 50%
 นมพาสเจอไรซ์มีมูลค่า 4,000 ล้านบาท ปีนี้ทรงตัวเนื่องจากราคาแพง ผู้บริโภคหันมาซื้อนมยูเอชทีแทน
 นมระดับพรีเมียมไปจนถึงซูเปอร์พรีเมียม มีมูลค่าเพียง 1% ของตลาดรวมลิควิดมิลค์ ปีนี้น่าจะเติบโตได้ยาก เนื่องจากราคาที่สูง และผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าที่มีประโยชน์คุ้มค่าคุ้มราคา

วิเคราะห์

 การที่โฟร์โมสต์ หันมาชูเรื่องของ “สตอรี่แบรนด์” ใช้ได้แบรนด์ที่มีชื่อเสียงมายาวนานอย่างโฟรโมสต์  เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือแล้ว ยังมีความเป็นสากลที่สามารถนำไปใช้ร่วมกันได้ทุกประเทศ
 ช่วยประหยัดงบการผลิตโฆษณาทางทีวี 
 จัดสรรงบไปใช้กับสื่อออนไลน์ ที่มีความสำคัญมากในยุคปัจจุบัน 
 รวมทั้งการให้น้ำหนักช่องทางจัดจำหน่ายที่เป็นร้านค้าทั่วไป ยังมีความสำคัญมากสำหรับเมืองไทย และเป็นจุดสุดท้ายผู้บริโภคจะตัดสินใจซื้อ