จับตาอสังหาฯ ครึ่งปีแรกหลังผู้บริโภคหวั่นเกิดภาวะฟองสบู่

DDproperty.com เผยผู้บริโภคเริ่มหวั่นว่าตลาดอสังหาฯ อาจจะเกิดภาวะฟองสบู่ หลังตลาดในบางทำเล ส่งสัญญาณโอเวอร์ซัพพลาย หนี้ครัวเรือนพุ่ง ทำผู้ซื้อทิ้งใบจอง ทิ้งโอน พร้อมจับตาไทยขึ้นแท่นฮับสำหรับการเกษียณอายุของต่างชาติ

นายณพงศ์  ปานทอง  ผู้อำนวยการ บริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ผู้บริหารเว็บไซต์ DDproperty.com เว็บไซต์สื่อกลางในการค้นหาอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย เปิดเผยว่าจากการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ผ่านการตอบแบบสอบถามออนไลน์ครั้งล่าสุดของเว็บไซต์ ปรากฏว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่รู้สึกพึงพอใจกับบรรยากาศในตลาดอสังหาฯ เพิ่มขึ้น ในขณะที่ผู้บริโภคถึง 88% รู้สึกไม่แน่ใจว่ารัฐบาลมีมาตรการหรือนโยบายที่เพียงพอในการที่จะทำให้ที่อยู่อาศัยสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสูงขึ้นจากการสำรวจในครั้งก่อนประมาณ 1% มีผู้ตอบแบบสอบถามเพียง 12% เท่านั้นที่รู้สึกว่ารัฐบาลมีมาตรการและนโยบายที่ดีพอแล้ว

เมื่อแยกตลาดอสังหาฯ ออกเป็นเซ็กเมนต์ ปรากฏว่าผู้ตอบแบบสอบถาม 52% เชื่อว่าราคาคอนโดมิเนียมมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นราว 5-10% หรืออาจจะมากกว่านั้น ในขณะที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่มองว่าที่อยู่อาศัยเพื่อเช่ามีโอกาสที่ราคาจะคงที่หรือลดลง

สำหรับความคิดเห็นต่อแนวโน้มการเกิดฟองสบู่ในตลาดอสังหาฯ ไทยในระยะ 6 เดือนข้างหน้า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ รู้สึกว่าอาจจะเกิดฟองสบู่ 39% และคิดว่าไม่น่าจะเกิดในระยะใกล้ 38% มีเพียง 4% เท่านั้นที่คิดว่าจะเกิดฟองสบู่ในอีก 6 เดือนนี้แน่ๆ

“มีความเป็นไปได้ว่าในบางเซ็กเม้นต์ และบางพื้นที่ ที่เริ่มอยู่ในภาวะโอเวอร์ซัพพลายโดยเฉพาะในกลุ่มคอนโดมิเนียมที่พัฒนาขึ้นเพื่อจับลูกค้าในตลาดกลางไปจนถึงล่าง ระดับราคาขายต่ำกว่า 100,000 บาทต่อตารางเมตร ในทำเลรอบนอกเมือง ในขณะที่คอนโดฯ ระดับราคา 100,000 – 200,000 บาทต่อตารางเมตร ขายได้ไม่คล่องตัวนัก แต่คอนโดฯ ที่ราคาขาย 200,000 บาทต่อตารางเมตรขึ้นไปกลับยังขายได้ดี โดยเฉพาะในทำเลใจกลางเมืองอย่างย่านสุขุมวิท ทองหล่อ เอกมัย ยังเป็นที่ต้องการของผู้ซื้อทั้งชาวไทยและต่างชาติ ถึงแม้ราคาขายจะปรับตัวสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะที่ดินสำหรับการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ในทำเลเหล่านั้นเริ่มหายากขึ้น” นายณพงศ์กล่าว

จากปัญหาการจองแล้วทิ้งเงินดาวน์ หรือผ่อนแล้วไม่ทำสัญญาโอนมีจำนวนมากในกลุ่มโครงการคอนโดมิเนียมระดับตลาดล่าง ส่งผลให้ผู้ประกอบการหลายรายปรับแผนการลงทุน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการทิ้งใบจอง โดยขยายการลงทุนในแนวราบ เพื่อจับตลาดระดับสูงที่มีกำลังซื้อแทน อาทิ กลุ่มไรมอน แลนด์ ที่ขยายตลาดมาสู่แนวราบด้วยการพัฒนาบ้านหรู 4 ชั้น ในซอยเย็นอากาศ 2 ราคาขายยูนิตละประมาณ 65 ล้านบาท กลุ่มอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ที่มีแผนเปิดตัวทาวน์เฮ้าส์ในเมือง ราคาขาย 7.5 ล้านบาทขึ้นไป หรือก่อนหน้านี้ก็มีโครงการพาร์ค พรีว่า ของกลุ่มนารายณ์ พร็อพเพอร์ตี้ ที่เปิดขายบ้านเดี่ยว ราคา 34-60 ล้านบาท บนถนนเทียนร่วมมิตร เป็นต้น ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มในการปรับเกมของผู้ประกอบการ ที่เน้นลงทุนโครงการที่อยู่อาศัยที่มีมูลค่าสูงขึ้น แต่ในจำนวนโครงการอาจจะลดน้อยลง

นายณพงศ์ ปานทอง กล่าวอีกว่า บางทำเลยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี อาทิ บริเวณสี่แยกพระราม 9 ซึ่งจะมีการก่อสร้างตึกที่สูงที่สุดในอาเซียนอย่างซุปเปอร์ทาวเวอร์ ถือเป็นหนึ่งในทำเลที่มีเทรนด์การค้นหาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นจนน่าจับตา โดยทำเลดังกล่าวได้รับความสนใจจากคนผู้ซื้อชาวจีน และเกาหลีที่ต้องการหาที่พักอาศัยในย่านนี้เป็นจำนวนมาก ในขณะที่จังหวัดเชียงใหม่ก็เป็นอีกทำเลที่ได้รับความสนใจจากชาวจีน ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ โดยเฉพาะชาวจีนนิยมเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัย เพื่อเตรียมรองรับการเกษียณอายุในอนาคต โดยเชื่อว่าในระยะ 5-10 ปีต่อจากนี้ ประเทศไทยจะเป็นฮับสำหรับการมาใช้ชีวิตในช่วงวัยเกษียณของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะจากภูมิภาคเอเชีย

DDproperty.com เว็บไซต์สื่อกลางในการค้นหาอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย มียอดผู้ใช้บริการค้นหาที่อยู่อาศัยผ่านเว็บไซต์ จำนวน 1.1 ล้านคนต่อเดือน และคิดเป็นจำนวนการเข้าเยี่ยมชม 3.3 ล้านครั้งต่อเดือน ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตของจำนวนคนเข้าใช้บริการเพิ่มมากขึ้นเกือบ 30 %