Nokia ปัดไม่คิดกลับมาขายโทรศัพท์

โนเกีย (​Nokia) อดีตเจ้าตลาดโทรศัพท์มือถืออันดับ 1 ของโลก ออกแถลงการณ์ชัดเจนว่าไม่มีแผนกลับมาจำหน่ายโทรศัพท์มือถือสำหรับผู้บริโภคทั่วไปหรือคอนซูเมอร์โฟนอีกครั้ง อย่างที่ข่าวลือก่อนหน้านี้ระบุว่าโนเกียอาจหวนคืนตลาดอีกครั้งในปี 2016

ในแถลงการณ์ โนเกียยืนยันว่าบริษัทจะไม่ดำเนินการผลิตหรือขายอุปกรณ์พกพาใดสำหรับผู้บริโภค (consumer handset)โดยปฏิเสธว่ารายงานข่าวเรื่องหน่วยธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ของโนเกียซึ่งถูกขายกิจการให้กับไมโครซอฟท์ (Microsoft) จะหันมาผลิตสมาร์ทโฟนเพื่อจำหน่ายให้กับชาวโลกนั้นไม่เป็นความจริง

รายงานข่าวที่โนเกียออกแถลงการณ์ปฏิเสธนี้ถูกเผยแพร่โดยสำนักข่าวรีโค้ด (Re/code) ซึ่งอ้างข้อมูลจาก 2 แหล่งข่าววงในที่ระบุว่าการขายกิจการสมาร์ทโฟนให้ไมโครซอฟท์เมื่อปี 2013 นั้นมีข้อกำหนดว่า โนเกียจะไม่สามารถผลิตสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ออกมาจำหน่ายได้จนกว่าจะถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2015 ล่าสุด จุดนี้ทำให้แหล่งข่าวของรีโค้ดเชื่อว่าโนเกียกำลังเตรียมแผนกลับมาเล่นในตลาดสมาร์ทโฟนอีกครั้งช่วงปีหน้า ซึ่งเหลืออีกเพียง 8 เดือน ก็จะพ้นกรอบเวลาที่กำหนดไว้

รายงานระบุด้วยว่าไม่เพียงการกลับมาผลิต และจำหน่ายสมาร์ทโฟนในปีหน้า แต่โนเกียยังมีแผนลงเล่นในตลาดอุปกรณ์ฉายภาพเสมือนจริง หรือ virtual reality ด้วย

ทั้งหมดนี้โนเกียปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง โดยเฉพาะข้อมูลี่ระบุว่าแม้โนเกียจะไม่สามารถผลิตฮาร์ดแวร์สมาร์ทโฟนได้จนกว่าจะถึงปลายปีนี้ แต่โนเกียมีการออกแบบแนวคิดทุกประเด็น (ยกเว้นระบบการผลิต) ไว้แล้ว

ที่สำคัญ ข้อมูลที่ระบุว่าการกลับมาคืนสังเวียนของโนเกียจะเกิดขึ้นในรูปแบบธุรกิจเดียวกับที่โนเกียตกลงกับโรงงานอย่างฟ็อกซ์คอนน์ (Foxconn) ในการวางจำหน่ายแท็บเล็ตแอนดรอยด์ “เอ็นวัน (N1)” นั้นยิ่งไม่เป็นความจริง ทั้งหมดนี้โนเกียยืนยันว่าโนเกียไม่ได้เจรจาใดๆกับโรงงานในจีนอย่างที่เป็นข่าว

ไม่แน่ การยืนยันครั้งนี้อาจเกิดขึ้นเพื่อสร้างความชัดเจนให้สมาร์ทโฟนโนเกียในคราบไมโครซอฟท์ยังคงทำตลาดต่อไปได้โดยที่ผ่านมา โนเกียยืนยันมาตลาดว่าหลังการขายกิจการโทรศัพท์มือถือให้ไมโครซอฟท์ แพลตฟอร์มเดียวสำหรับผู้บริโภคทั่วไปที่ยังเป็นของบริษัทคือบริการแผนที่ “เฮียร์ (Here)” เท่านั้น จุดนี้ โนเกียเคยยืนว่ามีแผนจะจำหน่ายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับHere เช่นกันในราคา 2,100 ล้านเหรียญสหรัฐ

 

ที่มา : http://manager.co.th/CbizReview/ViewNews.aspx?NewsID=9580000047938