แอลจี อีเลคทรอนิคส์ เผยผลกำไรสุทธิของบริษัทประจำไตรมาสแรก จากยอดส่งออกสมาร์ทโฟนที่สูงขึ้น

แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (แอลจี) ประกาศผลกำไรที่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบสำหรับไตรมาสแรกอยู่ที่ 34.91 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.15 พันล้านบาท) และผลกำไรจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา อยู่ที่ 277.45 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 9.16 พันล้านบาท) รายได้รวมอยู่ที่ 12.72 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 4.2 แสนล้านบาท) ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัทมียอดหักลบระหว่างยอดขายสมาร์ทโฟนที่พุ่งสูงขึ้นแต่ยอดขายโทรทัศน์กลับลดลง ทั้งนี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือของแอลจีมีรายได้รวมประจำไตรมาสแรกสูงที่สุดในประวัติการณ์นับตั้งแต่มีการเปิดตัวอุปกรณ์แอนดรอยด์เป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2553 ในขณะเดียวกัน กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องปรับอากาศมียอดกำไรเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

กลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์มีรายได้สำหรับไตรมาสแรกอยู่ที่ 4.03 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.33 แสนล้านบาท) ลดลง 5 เปอร์เซ็นต์จากปีที่ผ่านมาและมีกำไรจากการดำเนินงานลดลงจากปีก่อนเนื่องจากอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราที่ไม่ดีนัก รวมถึงยอดขายแอลซีดี ทีวีในทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป เครือรัฐเอกราช (CIS) และลาตินอเมริกาที่ลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมา ทั้งนี้ แอลจีคาดหวังว่าความต้องการใน 4K Ultra HD และ OLED TV ที่เพิ่มขึ้นในเอเชียและอเมริกาเหนือจะช่วยผลักดันให้ภาพรวมของกลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่สอง

กลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือสร้างสถิติอีกหนึ่งไตรมาสที่แข็งแกร่ง สำหรับไตรมาสแรกของปี 2558 ด้วยยอดการส่งออกสมาร์ทโฟนจำนวน 15.4 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 26 เปอร์เซ็นต์จากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว โดยมียอดขายรวมอยู่ที่ 3.27 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.08แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับไตรมาสที่หนึ่งของปีที่ผ่านมา ในขณะที่ผลกำไรจากการประกอบการเติบโตขึ้นทั้งในแต่ละช่วงไตรมาสและปีต่อปี ยอดขายโทรศัพท์มือถือในทวีปอเมริกาเหนือเพิ่มขึ้นอย่างน่าพึงพอใจที่ 66 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน อีกทั้งยอดขายโทรศัพท์มือถือในประเทศเกาหลีเติบโต 57 เปอร์เซ็นต์จากไตรมาสก่อนหน้าจากการเปิดตัวสมาร์ทโฟนพรีเมียมG Flex2 ที่มาพร้อมหน้าจอ Plastic-OLEDนอกจากนี้ แอลจีคาดหวังว่าการเปิดตัว LG G4 ในไตรมาสที่สองนี้จะช่วยตอกย้ำความเป็นผู้นำของแอลจีในตลาดสมาร์ทโฟน  พรีเมียมได้เป็นอย่างดีและจะช่วยเพิ่มผลกำไรของบริษัทด้วย

กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องปรับอากาศมีผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 9 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่า 208.45 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 6.88พันล้านบาท) และมีกำไรสุทธิในไตรมาสที่หนึ่งอยู่ที่ 5.6 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นผลจากโครงสร้างการปรับราคาและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม รายได้รวมของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องปรับอากาศลดลง 2 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบปีต่อปี อยู่ที่ 3.69 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.22 แสนล้านบาท) จากการแข่งขันที่สูงในตลาดอเมริกาเหนือ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของอัตราการแลกเปลี่ยนในประเทศกำลังพัฒนา อย่างไรก็ตาม แอลจีคาดการณ์ว่าจะสามารถเพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศและตู้เย็นได้ในช่วงฤดูกาลขาย ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดในเร็วๆ นี้

กลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งเริ่มขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2556 รายงานผลการดำเนินธุรกิจเป็นครั้งแรกในไตรมาสนี้ โดยมีรายได้รวมในไตรมาสแรกอยู่ที่ 347.82 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.15 หมื่นล้านบาท) ซึ่งเป็นผลจากธุรกิจกลุ่มอินโฟเทนเมนต์ภายในรถยนต์ โดยรวมถึงระบบเทเลแมติกส์ (Telematics) สำหรับการสื่อสารและระบบนำทางผ่านภาพและเสียง (Audio-video navigation systems) อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบริษัทจะมีผลประกอบการขาดทุนอยู่ที่ 2.18 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 71.6 ล้านบาท) แอลจียังคงเดินหน้าการลงทุนในการวิจัยและพัฒนา และมั่นใจว่าตลาดสำหรับระบบข้อมูลและ ความบันเทิงภายในรถยนต์ รวมถึงตลาดชิ้นส่วนและส่วนประกอบของรถยนต์ไฟฟ้าจะเติบโตขึ้นเนื่องจากการเติบโตของตลาดสมาร์ทคาร์และรถยนต์ไฟฟ้า

ข้อมูลเกี่ยวกับอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในไตรมาสแรกของปี 2558
รายได้ที่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบด้านบัญชีประจำไตรมาสของแอลจี อีเลคทรอนิคส์เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ International Financial Reporting Standards สำหรับช่วงเวลาสามเดือน สิ้นสุดที่ 31 มีนาคม 2558 ทั้งนี้ อัตราแลกเปลี่ยนของเงินวอนต่อดอลลาร์สหรัฐจะเท่ากับอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยของสามเดือนในไตรมาสเดียวกัน โดยอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับไตรมาสที่หนึ่ง ปี 2558 อยู่ที่ 1,100 วอน ต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯ