กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นวิเคราะห์ว่า จีนจะเป็นมหาอำนาจที่กำหนดทิศทางของเอเชียแปซิฟิกได้ภายใน 20 ปีข้างหน้า หากสหรัฐอเมริกาลดบทบาทในภูมิภาค
คณะกรรมาธิการต่างประเทศของรัฐบาลญี่ปุ่น เปิดเผยผลการศึกษาล่าสุด ที่มีชื่อว่า “ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในอีก 20 ปีข้างหน้า และบทบาทของญี่ปุ่น” ระบุว่า ญี่ปุ่นควรเพิ่มความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกา และกลุ่มประเทศอาเซียนเพื่อป้องกันสถานการณ์อันไม่พึงประสงค์ ที่จีนจะกลายเป็นมหาอำนาจหนึ่งเดียวที่กำหนดทิศทางของภูมิภาคเอเชียได้
รายงานชิ้นนี้ แสดงความกังวลว่า รัฐบาลสหรัฐฯเริ่มลดทอนบทบาทในต่างประเทศ และให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาภายในประเทศของตนมากขึ้น ซึ่งหากแนวโน้มยังคงเป็นเช่นนี้ จีนจะกลายเป็นผู้กำหนดทิศทางของภูมิภาคเอเชีย และญี่ปุ่นจะต้องพบกับความยากลำบาก เนื่องจากทุกประเทศจะต้องคล้อยตามนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลแดนมังกร แม้แต่ เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของญี่ปุ่นและเป็นพันธมิตรของสหรัฐฯเช่นเดียวกัน ก็ยังมีท่าทีที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลจีนมากขึ้น
รายงานของคณะกรรมาธิการต่างประเทศของรัฐบาลญี่ปุ่น ยังประเมินสถานการณ์ในเกาหลีเหนือว่า หากรัฐบาลโสมแดงยังคงดื้อดึงทดลองขีปนาวุธนิวเคลียร์ รัฐบาลจีนจะมีความชอบธรรมในการใช้มาตรการคว่ำบาตร ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนจากนานาชาติด้วย และหากเกิดความวุ่นวายในประเทศเกาหลีเหนือ ถึงขั้นที่เศรษฐกิจหรือการปกครองของตระกูลคิมล่มสลาย รัฐบาลจีนจะไม่ลังเลที่จะเข้าควบคุมสถานการณ์ในดินแดนโสมแดง
รายงานดังกล่าวใช้ระยะเวลาศึกษาตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี 2013 จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2015 โดยผู้เชี่ยวชาญ 9 คน ซึ่งล้วนเป็นนักวิชาการรุ่นใหม่ และยังเป็นผลการวิจัยชิ้นแรกที่คาดการณ์สถานการณ์ในระยะที่ยาวนานกว่า 10 ปี ซึ่งเป็นหลักของกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นที่ใช้วางนโยบายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
บทสรุปของรายงานชิ้นนี้ ย้ำว่า หากรัฐบาลญี่ปุ่นยังคงเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศไปตามแต่ละรัฐบาล จะทำให้ประเทศเสียประโยชน์ และขาดความเชื่อถือจากนานาชาติ โดยรัฐบาลญี่ปุ่นต้องเร่งกระชับความสัมพันธ์กับประเทศใกล้เคียง เพื่อไม่ให้ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์