เปิดใจ “คุณพลอย” กว่าจะมาเป็น “สยามบานาน่า” กับดรามาขนมกล้วย

ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -นับว่าเป็นเรื่องสนั่นโซเชียลมีเดีย และสะเทือนไปจนถึงบริษัทใหญ่กันเลยทีเดียว เมื่อบทความชื่อ “โตเกียวบานาน่าไทย ที่แลกมาด้วยน้ำตา” เขียนโดยผู้ใช้นามแฝงว่า “assuming” ถูกแชร์ให้ว่อนบนอินเทอร์เน็ต โดยเนื้อหาระบุว่าเจ้าของขนม SIAM BANANA โตเกียวบานาน่าไทยทำขนมนี้อยู่ก่อนแล้ว แต่ร้านค้าปลีกยักษ์แนะให้ลงทุนสร้างโรงงาน แลกกับวางขายในร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ แต่สุดท้ายถูกยกเลิกดีล และร้านค้าปลีกดังกล่าวกลับหันมาผลิตพร้อมจัดจำหน่ายเอง
 
แน่นอนว่า หลังบทความดรามาขนมกล้วยเรียกน้ำตาชิ้นนี้เผยแพร่ออกไป ก็กลายเป็นประเด็นฮอตบนโลกโซเซียลมีเดียทันที กระทั่งทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่ต้องแถลงข่าวปฏิเสธ โดยบอกว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นเท็จ และสร้างความเสียหาย ทั้งประกาศฟ้องร้องดำเนินคดีต่อผู้เขียนบทความดังกล่าว พร้อมทั้งชี้แจงว่าเจ้าของสยาม บานาน่า ได้เคยติดต่อเข้ามาเพื่อขอวางขายจริง เพียงแต่อยู่ในขั้นตอนการเจรจาเท่านั้น โดยกำลังจะพิจารณาสินค้าของ SIAM BANANAให้อยู่ในพื้นที่ร้านสาขาที่เรียกว่า “พื้นที่คัดสรร” นับเป็นสินค้าคนละตลาดกับ “เลอ แปง บานาน่า”ที่วางขายในร้านทั่วไป และที่ผ่านมาพยายามติดต่อเจ้าของSIAM BANANA แล้ว แต่ติดต่อไม่ได้
 
งานนี้แม้จะออกมานั่งแถลงข่าวปฏิเสธแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่ากระแสความเห็นใจหลั่งไหลไปถึงเจ้าของขนม SIAM BANANA ไม่น้อย แถมยังมีข่าวดีว่าขนมของเธอกำลังจะถูกพิจารณาให้วางขายในห้างและร้านค้าปลีกชื่อดังด้วย
 
“ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์” จึงตามไปสัมภาษณ์ “คุณพลอย” เจ้าของขนม SIAM BANANA เพื่อให้เธออัปเดตชีวิตและธุรกิจเธอหลังกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต
 
หลังจากเรื่องของคุณพลอยกลายเป็นกระแสขึ้นมา ได้รับฟีดแบ็กอย่างไรบ้าง 
 
ต้องบอกว่าไม่คาดคิดเลยค่ะ มีคนให้กำลังใจเยอะมาก พลอยคิดว่าตัวเองเป็นแค่มดเล็กๆ ตัวหนึ่ง แต่ก็ยังมีคนกลุ่มหนึ่งให้กำลังใจเยอะมาก ทั้งแมสเซสมา โทร.มาหา บอกว่าเป็นกำลังใจให้นะ สู้ๆ อย่าเพิ่งท้อ บางคนก็บอกว่าไปช่วยซื้อขนม ไปซื้อผลิตภัณฑ์ ต่อให้คุณพลอยออกไลน์ผลิตใหม่ ก็จะสนับสนุนต่อไป
 
ส่วนทางหน้าร้าน ลูกค้าบางคนได้ข่าวก็ตั้งใจมาซื้อ ตั้งใจสนับสนุนเรา เขาบอกว่าคุณพลอยอย่าเพิ่งท้อแท้ ตอนนี้อาจจะมีโอกาสหาตลาดซึ่งอาจจะไม่ใช่แค่ตรงนั้นแล้ว บางคนบอกสักวันต้องมีวันของเรา ไม่ใช่ว่าเราจะเป็นผู้แพ้เสมอไป สักวันหนึ่งจะต้องเป็นของเราบ้าง (ยิ้ม)
 
หลังจากนี้ วางแผนจะทำการตลาดต่อไปอย่างไร ได้ยินว่าคุณพลอยได้ตลาดใหม่เป็นห้างดังหลายแห่ง
 
คือหลังจากเกิดเรื่องขึ้นมา พลอยก็มองหาตลาดใหม่ พยายามขอเข้าไปนำเสนอสินค้า เข้ามาพรีเซ็นต์ตามห้างใหม่ๆ อย่างตอนนี้ร้านแฟมิลี่มาร์ทก็ให้โอกาสพลอยค่ะ แต่ว่าทุกอย่างยังไม่ไฟนอลออกมา บางแห่งก็ยังอยู่ในขั้นตอนเจรจาอยู่ แต่พอเริ่มมีตลาดใหม่ๆ อย่างนี้ พลอยก็ดีใจมากค่ะ
 
พอกลายเป็นประเด็นขึ้นมา คิดว่าคงมีคนสนใจไม่น้อยว่าคุณพลอยเริ่มต้นทำธุรกิจนี้ได้อย่างไร ช่วยเล่าความเป็นมาให้ฟังหน่อย
 
ตอนเริ่มต้นทำธุรกิจนี้ เกิดจากพลอยอยากทำอะไรเป็นของตัวเองตั้งนานแล้วค่ะ คิดว่าถ้าเราทำงานออฟฟิศไป ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะรวย เลยอยากจะมีอะไรเป็นธุรกิจเล็กๆ ของตนเอง เช่น ร้านขนม เพราะเราเป็นคนชอบกินขนม ก็เลยทำขนมตัวนี้ออกมา
พลอยคิดว่ากล้วยของไทยเรามีชื่อเสียงอยู่แล้ว เลยคิดว่าน่าจะเอากล้วยมาทำขนม แล้วในประเทศไทยยังไม่มีใครทำเลย ขนมของพลอยจึงเป็นไส้กล้วยทุกตัว จะมีรสออริจินอล คือ รสกล้วยหอม นอกนั้นก็เป็นรสกาแฟ และรสช็อกโกแลต ราคาขายกล่องละ 220 บาท 1 กล่อง มี 8 ชิ้นค่ะ
 
ส่วนวิธีการผลิต ขนมของพลอยเป็นเค้กฟองน้ำ ดูจะเห็นมีของเหลวอยู่ข้างใน เราเลยมาคิดว่าจะทำยังไงไม่ให้ของเหลวนี้ยุบตัวภายในเวลาสามสัปดาห์ ดังนั้นพลอยก็ต้องหาวิธีการตรงนี้ ซึ่งก็ยากพอสมควร แล้วขนมเราเป็นไส้กล้วย ปกติถ้าแค่เป็นกล้วยธรรมดา แค่ปล่อยทิ้งไว้หลายวันก็จะเห็นเป็นเนื้อสีดำๆ แล้วใช่ไหมค่ะ ฉะนั้นเราก็ต้องมาคิดว่าทำอย่างไรไม่ให้ให้ขนมไส้กล้วยของเรากลายเป็นสีดำๆ ในเวลาอันสั้น เรียกว่าการทำขนมอย่างนี้ มันเป็นรายละเอียดที่ค่อนข้างเยอะมากค่ะ
 
ช่วงเริ่มต้น พลอยจะจ้างโรงงานผลิต แต่เรื่องรสชาติของขนม เป็นเรื่องที่พลอยต้องคิดเอง บอกเขาเองว่าจะเอาแบบไหน พลอยเลือกใช้ความรู้สึกของตัวเอง อย่างขนมโตเกียวบานาน่า พลอยคิดว่ารสชาติไส้มันหวานเกินไป เลยลดความหวานของขนมลงมาหน่อย
 
คนทั่วไปอาจจะมองว่าขนมอีกยี่ห้อขายชิ้นล่ะ 12 บาท แต่ของพลอย ขายชิ้นละ 27 บาท แต่บอกได้เลยว่าต้นทุนมันค่อนข้างแตกต่างกันค่ะ
 
 
ตอนทำขนมสำเร็จออกมาครั้งแรก รู้สึกอย่างไรบ้าง
 
ตอนแรกที่ทำขนมนี้ออกมา พลอยค่อนข้างมั่นใจว่าขนมตัวเองมีคุณภาพและอร่อย ตั้งใจทำมันออกมาให้ดีที่สุด แล้วตั้งแต่ทำขายออกมา พลอยก็จะมีลูกค้ากลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นฐานลูกค้าของเราอยู่แล้ว เรียกว่าผลตอบรับค่อนข้างดี เขาบอกว่าดีใจที่ประเทศไทยมีโตเกียวบานาน่าแล้ว อร่อยด้วย แถมราคาถูกกว่าตั้งเยอะ (หัวเราะ)
 
จำภาพวันที่คุณเหนื่อยที่สุดได้ไหม 
 
พลอยคิดว่าถ้าเกิดเราตั้งใจจริงๆ เรารักที่จะทำ มันก็จะไม่มีวันที่เหนื่อยที่สุดหรอกค่ะ วันที่เหนื่อยก็รู้สึกธรรมดานะคะ พักหน่อยเดียวก็หาย สามารถที่จะลุกขึ้นมาทำสิ่งที่เราชอบได้อีก
 
แต่ถามว่าเหนื่อยกายไหม ก็มีบ้างค่ะ เพราะช่วงแรกพลอยต้องทำอะไรเองหลายๆ อย่าง เช่น ส่งขนมเอง ซื้อของ ขายขนม คือ อะไรที่ช่วยลูกน้องได้ เราก็ทำ
 
คิดว่าอะไรเป็นจุดเด่นของขนมที่ทำให้ลูกค้าติดใจ
 
ขนมของเราใช้กล้วยจริงๆ ส่วนวัตถุดิบทุกอย่างที่ใช้นั้น พลอยก็คัดคุณภาพทุกอย่างเลย คือ ใส่ใจกับวัตถุดิบทุกตัว
 
ช่วงที่คิดสูตร ก็ลองผิดลองถูกอยู่ประมาณห้าเดือน
 
กว่าจะทำธุรกิจนี้ให้สำเร็จได้ คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มีใครเป็นต้นแบบในการทำธุรกิจหรือเปล่า 
 
โดยส่วนตัวแล้ว พลอยชอบ “คุณต๊อบ เถ้าแก่น้อย” นะคะ (อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ,เจ้าของผลิตภัณฑ์สาหร่ายทะเลทอดกรอบตรา “เถ้าแก่น้อย” ) แต่พลอยก็ไม่กล้าคาดหวังจะเป็นเหมือนเขาหรอกค่ะ สาเหตุที่ชอบคุณต๊อบ เพราะรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่สุดยอดมาก ตั้งแต่เริ่มต้นทำธุรกิจ เขาก็ทอดสาหร่ายเอง ทำเองทุกอย่าง ถ้าพนักงานทำไม่ทัน เขาก็ช่วยทำ จนเขาประสบความสำเร็จได้ในทุกวันนี้ เรียกว่ามาด้วยตนเองล้วนๆ เก่งมากๆ เลยค่ะ
 
นี่เองจึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่อยากเอาสินค้าตัวเองเข้าร้านค้าปลีกชื่อดังใช่ไหม
 
ก็อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งค่ะ แต่พลอยคิดว่าผู้ประกอบการโดยส่วนใหญ่ก็อยากจะเอาสินค้าตัวเองเข้าร้านค้าปลีกอยู่แล้ว
 
ตอนนี้คุณพลอยกำลังเอาสินค้าตัวเองเข้าร้านค้าปลีกใหม่ๆ หากสินค้าต้องไปสู้กับห้างร้านที่เขาอาจจะมีสินค้าเหมือนกันหรือใกล้เคียงกัน กังวลไหมว่าจะสู้เขาได้หรือเปล่า
 
ไม่รู้นะคะ แต่ตอนเราที่ทำ ก็ยังไม่มีใครทำแบบเดียวกันเลยนะคะ คิดว่าถ้าเรากลัว ก็คงไม่ได้ทำอะไร และไม่กล้าก้าวออกไป
 

 
พอต้องไปแข่งขันกับธุรกิจใหญ่ๆ อย่างนี้ รู้สึกอย่างไรบ้าง 
 
เรื่องนี้พลอยมองว่าการทำธุรกิจ เราไม่จำเป็นต้องไปมองว่าเราจะแข่งขันกับใคร มองแค่ว่าเรามีลูกค้ากลุ่มหนึ่งที่เป็นลูกค้าของเรา มันก็น่าจะโอเคแล้ว
 
แล้วตอนที่พลอยทำธุรกิจนี้แรกๆ ตอนนั้นพลอยยังไม่มีคู่แข่งเลย ดังนั้นถ้าบอกว่ามีคู่แข่ง ต้องบอกว่าคนอื่นสิคะมาแข่งกับพลอยเอง เพราะพลอยทำเป็นเจ้าแรกค่ะ
 
เห็นว่าตอนนี้มีโรงงานผลิตขนมเป็นของตัวเองแล้ว กดดันในการหาตลาดใหม่ๆ เพื่อรองรับการผลิตหรือเปล่า
 
ไม่เลยค่ะ เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เราต้องทำอยู่แล้ว หลังจากสินค้าหลุดมาจากร้านนั้น ตอนนี้เลยจำเป็นต้องหาตลาดเพิ่ม พลอยมองว่าสินค้าของเราเป็นลักษณะของฝาก เลยไปเปิดหน้าร้านที่หัวหิน คือขายในตลาดน้ำสามพันนา เป็นร้านที่พลอยเปิดไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ส่วนที่ศูนย์การค้าเดอะ เวเนเซีย หัวหิน และตลาดบองมาเช่ ก็มีรับขนมของพลอยไปขาย นอกนั้นก็มีขายออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊กของเราเองด้วยค่ะ
 
ยอดขายทุกวันนี้เป็นอย่างไร
 
ช่วงปีแรกพลอยขายได้วันละประมาณ 1,500 ชิ้น มาถึงวันนี้ก็ขายได้มากขึ้น ไม่แน่ใจว่าตัวเลขเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าเพิ่มมากขึ้นประมาณหนึ่งค่ะ (ยิ้ม)
 
คาดหวังให้ธุรกิจเติบโตไปไกลแค่ไหน
 
พลอยก็หวังไกลนะคะ อยากให้ชื่อเสียงของกล้วยไทยไปทั่วโลก แต่ก็ขึ้นอยู่กับเงินทุนและความสามารถของเราด้วยว่าจะไปได้ไหม ซึ่งจะทำได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ แต่ก็จะพยายามค่ะ
 
คุณพลอยมีคติในการทำธุรกิจอย่างไรบ้าง
 
พลอยใส่ใจในวิธีการผลิตของขนม ไม่ใช่ว่าเพราะเราทำไปให้คนอื่นกิน แต่ไม่กล้ากินของตนเอง ดังนั้นพลอยคิดว่าคุณภาพต้องมาก่อนเลย ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก เราเลือกใช้วัตถุดิบที่เป็นเกรดดีทั้งหมด ราคาแพงไม่ว่า อย่างน้ำตาล พลอยก็น้ำตาลชนิดพิเศษ ไม่ใช่น้ำตาลทั่วไปแบบกิโลกรัมละ 30 บาท แต่น้ำตาลของพลอยกิโลกรัมละ 60 บาท คือ ใช้ของดีทุกอย่างจริงๆ อย่างน้ำตาลตัวนี้จะมีคุณภาพตรงที่ไม่ตกผลึก ถ้าลองชิมแป้งขนมทั่วไป จะเห็นว่ามีน้ำตาลเม็ดเล็กๆ ตกผลึกอยู่ แต่ขนมของเรา น้ำตาลจะไม่ตกผลึกค่ะ เรียกว่าเราใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิตเลย
 

 
ในอนาคตนี้วางแผนจะแตกไลน์สินค้าอะไรหรือเปล่า
 
คิดว่าในอนาคตคงต้องแตกไลน์สินค้าอยู่แล้วค่ะ แต่ตอนนี้อยากจะทำตรงนี้ให้ดีก่อน
 
รู้สึกอย่างไรที่บางคนบอกว่าคุณพลอยก็ไปลอกไอเดียมาจากขนมอื่นเหมือนกัน
 
เคยได้ยินอย่างนี้มาเหมือนกัน แต่อย่างที่บอกว่าขนมนี้เกิดจากพลอยคิดว่าประเทศไทยมีกล้วยซึ่งเป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียง เลยทำขนมอันนี้ขึ้นมา พลอยว่าขนมสองอันนี้ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว มันอาจจะเหมือนกันที่รูปลักษณ์หรือรูปทรง แต่สินค้าของพลอยจะเป็นรูปทรงอวบอ้วน คล้ายลักษณะของกล้วยไทย ดังนั้นรูปทรงจะแตกต่างจากของเขาอยู่ค่ะ ส่วนข้างในไส้ก็ไม่เหมือนกันค่ะ
 
แล้วอยากจะบอกว่าขนมหลายชนิดก็ดังมาจากต่างประเทศเหมือนกัน คือ ประเทศไหนที่มีสินค้าขายดี ประเทศไทยก็เอามาทำเหมือนกัน เลยไม่อยากให้เอาเป็นประเด็น อยากให้เรียกว่าเรานำมาพัฒนามากกว่าค่ะ
 
สุดท้ายนี้ มีอะไรอยากฝากบอกแฟนๆขนม หรือลูกค้าที่ให้กำลังใจบ้างไหม 
 
อยากขอบคุณทุกๆ น้ำใจค่ะ พลอยซึ้งในน้ำใจที่หลั่งไหลเข้ามาหาพลอย ไม่ว่าเขาจะซื้อหรือไม่ซื้อขนมก็ตาม แต่เขาก็มีน้ำใจเป็นห่วงพลอย บอกว่าคุณต้องสู้นะ ทำให้พลอยมีกำลังใจขึ้นค่ะ (ยิ้ม)
 
ภาพโดย ศิวกร เสนสอน
ขอบคุณสถานที่ถ่ายทำ: เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ