ในตลาดญี่ปุ่น นอกเหนือจากซีดานรุ่นซิตี้และมินิแวนอย่างรุ่นฟรีดแล้ว ฮอนด้ายังมีทางเลือกอื่นๆ ที่มาจากผลผลิต B-Car รุ่นดังอย่างแจ๊ซหรือฟิตอีกด้วย โดยในตอนนี้พวกเขาจัดการส่งโฉมใหม่ของชัทเทิล ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนบนตัวถังแวกอนออกมาสู่ตลาดแล้ว และน่าจะเป็น JDM หรือรุ่นที่มีขายเฉพาะในตลาดญี่ปุ่นเหมือนกับที่ผ่านๆ มา
ชัทเทิลถือเป็นผลผลิตที่มีมานานพร้อมๆ กับรุ่นแรกของฟิต/แจ๊ซ เพียงแต่ก่อนหน้านั้น ทำตลาดในชื่อแอร์เวฟ ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นชัทเทิลในรุ่นที่ 2 ที่เปิดตัวในปี 2011 ซึ่งจริงๆ แล้ว ชื่อนี้สื่อให้เห็นถึงความอเนกประสงค์ของตัวรถได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นชื่อที่ฮอนด้าใช้อยู่ในตลาดมานาน ตั้งแต่ซีวิคชัทเทิลที่เปิดตัวเมื่อปี 1983 และเคยใช้เป็นชื่อในการทำตลาดของโอดิสซีส์รุ่นแรกที่ขายในยุโรป เมื่อปี 1994-2000 ก่อนที่จะถูกนำมาใช้กับผลผลิตที่เกิดจาก B-Car อย่างฟิต/แจ๊ซ
สำหรับรุ่นใหม่เป็นการพัฒนาอยู่บนพื้นฐานของฟิต/แจ๊ซรุ่นปัจจุบัน และอ้างอิงเส้นสายสไตล์การออกแบบ และพื้นฐานทางวิศวกรรมร่วมกัน รวมถึงโครงสร้างตัวถังหลักตั้งแต่ด้านหน้าจนถึงประตูบานท้าย ก่อนที่จะปรับปรุงส่วนท้ายสุดหลังเสา C-Pillar ให้ยาวยื่นออกไปเพื่อรองรับกับความอเนกประสงค์ จนตัวถังมีความยาว 4.4 เมตร และระยะฐานล้อ 2.53 เมตร
เมื่อเบาะหลังวางอยู่ครบ พื้นที่ด้านท้ายจะมีความจุที่ 570 ลิตร และเมื่อพับเบาะหลังลงทั้งหมด จะเพิ่มความจุเป็น 1,141 ลิตร และรองรับสัมภาระที่มีความยาวสูงสุด 1,840 มิลลิเมตร และที่เด่นคือ ด้านหลังของพนักพิงหลังมีการออกแบบให้เป็นช่องเก็บของแบบพับได้ ตอบสนองความอเนกประสงค์ในการใช้งานอย่างเต็มที่
สำหรับเครื่องยนต์ที่ทำตลาดก็มีทางเลือกไม่ต่างจากเพื่อนร่วมรุ่น โดยมีเครื่องยนต์ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว i-VTEC เบนซิน Di 1,500 ซีซี 132 แรงม้า เป็นตัวเลือกหลักจับคู่กับเกียร์ CVT ขณะที่อีกรุ่นเป็นไฮบริด ที่จะใช้เครื่องยนต์เบนซิน ซึ่งใช้ระบบเผาไหม้แบบ Atkinson Cycle จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า รีดกำลังออกมาได้ 137 แรงม้า จับคู่กับเกียร์แบบคลัตช์คู่ DCT แบบ 7 จังหวะ มีขายทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า และ 4 ล้อ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกสำหรับชัทเทิล โดยในรุ่นไฮบริดสามารถทำตัวเลขเฉลี่ยตามการทดสอบ JC08 ของญี่ปุ่นได้ที่ 34 กิโลเมตร/ลิตร
ราคาของชัทเทิลในญี่ปุ่นเริ่มต้นที่ 1.69 ล้านเยน หรือประมาณ 480,000 บาท ใครที่สนใจ อาจจะต้องสั่งนำเข้ากันเองเหมือนกับรุ่นก่อนๆ
