นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ขายธุรกิจสิ่งพิมพ์ทั้งหมดด้วยมูลค่า 45 ล้านบาทให้กับบริษัท ซีทรู จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจส่วนตัวของนายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย ทำให้บริษัท ซีทรู ซึ่งปกติทำธุรกิจออร์แกไนซ์ รับจัดงานอีเวนต์ งานพีอาร์ งานโปรโมชั่นต่างๆ และอื่นๆ จะได้หัวนิตยสารทั้งหมด 6 ฉบับของแกรมมี่ ประกอบด้วย นิตยสารอิมเมจ ที่ทำธุรกิจมา 29 ปี, นิตยสารอินแมกกาซีน ทำธุรกิจมา 10 ปี, นิตยสารมาดาม ฟิกาโร่ ทำธุรกิจมา 10 ปี, นิตยสารแม็กซิม, นิตยสารเฮอร์เวิลด์ และนิตยสารแอตติจูด ซึ่งแต่ละหัวนิตยสารนั้นมีผลประกอบการดีต่อเนื่องมาโดยตลอด
“การขายครั้งนี้นับว่าเป็นราคาที่ถูกมาก เพราะขายในราคาต้นทุนบัญชีของบริษัท (บุ๊กแวลู่) เพราะแกรมมี่ต้องการโฟกัสและเน้นทำธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจเพลง ธุรกิจโทรทัศน์ ธุรกิจภาพยนตร์ โดยธุรกิจอะไรที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักก็จะพยายามหาคนที่มีความพร้อมมาซื้อ เพื่อไปบริหารต่อ และนำไปต่อยอดธุรกิจของเขา การที่เลือกขายให้นายธรรศพลฐ์ ซึ่งพูดคุยกันแค่ 1-2 วันก็จบดีลนั้น เพราะเชื่อว่าสามารถนำนิตยสารทั้ง 6 หัวดังกล่าวไปใช้ประโยชน์และต่อยอดธุรกิจได้ เนื่องจากมีธุรกิจด้านไอทีและดิจิตอล โดยนายธรรศพลฐ์ ได้รับบุคลากรของ 6 หัวนิตยสารดังกล่าวที่มีอยู่กว่า 100 คน ดังนั้นเมื่อซื้อไปก็สามารถดำเนินการต่อได้ทันทีไม่ต้องขาดช่วง เพราะใช้ทีมงานเดิม และสถานที่ที่ตึกจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่เพลสเดิม เพียงแค่เปลี่ยนเจ้าของเท่านั้น การซื้อขายครั้งนี้ ก่อนขายกิจการบริษัทได้เซตซีโร่ หนี้สินของหัวนิตยสารทั้ง 6 ฉบับทั้งหมดแล้ว ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็มีความพอใจ”
ทั้งนี้ การขายกิจการที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักออกไป เพราะต้องการกระแสเงินสดเข้ามาในบริษัท เพื่อลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนให้ต่ำที่สุด เพื่อให้สามารถกู้เงินได้เยอะสำหรับขยายกิจการ ทำธุรกิจใหม่ สำหรับผลประกอบการสิ้นปี 2558 น่าจะไม่ขาดทุน เพราะธุรกิจหลักที่เน้นทำทั้งธุรกิจเพลงและธุรกิจภาพยนตร์ มีผลกำไรสูง ซึ่งน่าจะมากลบให้ผลประกอบการสิ้นปีขยับขึ้นได้ แม้ธุรกิจทีวีดิจิตอลจะยังลำบากก็ตาม
ด้านนายธรรศพลฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า การที่เข้ามาซื้อกิจการสื่อสิ่งพิมพ์ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ทั้งหมด ถือเป็นการลงทุนส่วนตัวในนามบริษัท ซีทรู จำกัด ซึ่งจะไม่เกี่ยวข้องกับสายการบินไทยแอร์เอเชียแต่อย่างใด ซึ่งนอกจากซื้อนิตยสารชั้นนำทั้ง 6 เล่มแล้ว ยังได้เข้าไปลงทุนในสื่อดิจิตอลด้วย เพื่อมาช่วยเสริมและเพิ่มช่องทางให้กับนิตยสารที่มีทั้งหมดในการเข้าถึงผู้บริโภค
ที่มา : ไทยรัฐ